ข่าว

ฝูงวาฬ"บรูด้า"..ธุรกิจกลางอ่าวไทย

ฝูงวาฬ"บรูด้า"..ธุรกิจกลางอ่าวไทย

05 ต.ค. 2553

จากความบังเอิญที่นักดูนกกลุ่มหนึ่งเช่าเหมาเรือประมงออกไปดูนกบริเวณอ่าวไทยตอนเหนือตามปกติ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม แต่พวกเขาได้พบฝูงวาฬบรูด้ากำลังหากินอยู่ใกล้ชายฝั่ง ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี และสามารถบันทึกภาพวาฬขณะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อกลืนเหยื่อ

 หลังจากที่ข่าวการปรากฏตัวของฝูงวาฬบรูด้า "คม ชัด ลึก" ลงพื้น ต.บางตะบูน เริ่มพบความเปลี่ยนแปลงของวิถีประมง ตั้งแต่มีการปรากฏตัวของวาฬฝูงนี้ เรือประมงถูกปรับเปลี่ยนเป็นเรือท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจองคิวยาวเหยียด

 "นักท่องเที่ยวอยากออกไปดูวาฬกันมาก มีคนจองเรือคิวยาวมากจนถึงกลางเดือนหน้า นักท่องเที่ยวเยอะ เรือที่ออกไปดูวาฬก็เพิ่มขึ้น แถมมีเรือสปีดโบ๊ทและสกูตเตอร์ขับออกมาเพื่อดูวาฬกันมาก อาจทำให้ฝูงวาฬตกใจเสียงเครื่องยนต์ เพราะช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ไม่เห็นเขาขึ้นมาอยู่เหนือน้ำเลย" จำรูญ พงษ์พิทักษ์ วัย 50 ปีเศษ อดีตพรานทะเล ที่ผันตัวเองมาเป็นไกด์พานักตกปลาและนักดูนก และทุกครั้งที่เขาติดเครื่องยนต์และหันหัวเรือมุ่งออกจากฝั่งน้อยครั้งนักที่ลูกเรือจะผิดหวัง เมื่อตัดสินใจเลือกใช้บริการเขาจากท่าเรือที่บางตะบูน ตั้งแต่เวลา 07.00-17.30 น. ในราคา 3,000 บาทต่อลำ(บรรจุได้ 8 คน) บอกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

 อดีตพรานทะเล เล่าอีกว่า การพบวาฬในพื้นที่บริเวณนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ชาวประมงจะเห็นวาฬเหล่านี้ออกหากินและขึ้นมาโชว์ตัวให้อยู่เป็นประจำ เพียงแต่ว่าช่วง 2-3 ปีนี้ ฝูงวาฬเริ่มมีมากขึ้นและเข้ามาหากินใกล้ฝั่งมากขึ้น

 "ปีหนึ่งๆ ชาวประมงในพื้นที่นี้จะเห็นวาฬปีละ 1-2 ครั้ง แต่จะไกลออกจากชายฝั่งมาก วาฬจะชอบว่ายเข้ามาใกล้ๆ มาวนอยู่รอบๆ เรือ คงอยากรู้อยากเห็นว่าเป็นอะไร ส่วนปีนี้เวลาพานักท่องท่องเที่ยวออกทะเลเจอวาฬตลอดนะ น่าจะมีอยู่ประมาณ 10 ตัวได้  ผมใช้วิธีตามรอยตะไคร่น้ำ(ขี้วาฬ) หากจะเจอแน่ๆ ต้องเป็นวันที่ไม่มีพายุฝน ลมทะเลนิ่งๆ จะล่องเรือตั้งแต่มหาชัย จ.สมุทรสาคร จนไปถึงหาดเจ้าสำราญ จ.เพชรบุรี  โดยเฉพาะบริเวณปากอ่าวที่มีน้ำจากแม่น้ำไหลลงทะเลตรงนั้นจะเป็นแหล่งที่มีอาหารอุดมสมบรูณ์จะมีปลาเยอะ"  จำรูญ บอกวิธีแกะฝูงรอยวาฬ

 ด้าน สุรศักดิ์ ทองสุกดี นักวิชาการประมง ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนักวิจัยศึกษาเกี่ยวกับโลมาและวาฬในเมืองไทย บอกว่า เมื่อปี 2548 บริเวณอ่าวไทยตอนเหนือ ตั้งแต่สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี พบวาฬบรูด้าประมาณ 3 ตัว จากการออกเรือสำรวจเดือนละ 1 ครั้ง จะพบวาฬประมาณปีละ 1-2 ครั้ง แต่เมื่อต้นเดือนเมษาที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ออกสำรวจจะพบวาฬเสมอ และมีจำนวนมากขึ้นกว่าสถิติที่เก็บไว้ ปัจจุบันที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลฯ ประเมินว่า มีวาฬอยู่ในอ่าวไทยตอนเหนือ 20 ตัว ตัวใหญ่ที่สุดน่าจะมีขนาดยาว 15 เมตร หนักราว 40 ตัน ตัวเล็กที่สุดคือวาฬแรกเกิดยาว 4 เมตร

 "วาฬไม่ใช่สัตว์ประจำถิ่น จะหากินไปเรื่อยตามแนวชายฝั่งที่มีอาหารอุดมสมบรูณ์ ซึ่งวาฬตัวหนึ่งจะกินอาหารประมาณ 10 กิโลกรัม และเมื่อบริเวณนั้นอาหารหมดก็จะไปหาที่อื่นต่อ ส่วนปีนี้มีปลากะตักจำนวนมาก อาจเป็นไปได้ว่าน้ำจากทางเหนือที่พัดเอาแพลงตอนมารวมอยู่ที่ปากแม่น้ำ จึงทำให้วาฬมาหากินแถวนี้ และเมื่อปลากะตักเริ่มน้อยลงวาฬคงจะว่ายน้ำไปหากินทางมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ต่อไป" สุรศักดิ์ วิเคราะห์

 สุรศักดิ์ บอกอีกว่า จากข้อมูลจากชาวประมง ยังพบว่า บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาตรงที่เรียกว่า "ร่องประตูนา" เป็นอีกแห่งที่พบวาฬออกหากินอยู่ และส่วนที่พื้นที่บางตะบูน กำลังประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว ในการเข้าไปเที่ยวชมวาฬว่า ห้ามส่งเสียงรบกวน หรือสร้างความรำคาญให้วาฬด้วยการขับเรือไล่ตาม หรือเร่งเครื่องยนต์เรือด้วยความเสียงดัง เพราะจะรบกวนการสื่อสารด้วยเสียงของวาฬ

 "กำลังประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการท่องเที่ยว ปัญหาตรงนี้ผมไม่ห่วงชาวประมงท้องถิ่นเพราะเขาจะนับถือวาฬ หากใครเจอจะมีโชคลาภ กังวลแต่นักท่องเที่ยวที่จ้างเรือออกไปดูวาฬอาจส่งเสียงดังรบกวนฝูงวาฬได้" สุรศักดิ์ กล่าว

  ทั้งนี้ "วาฬบรูด้า" (Balaenoptera brydei) เป็นสัตว์ห้ามค้าระหว่างประเทศที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของไทย และเป็นสัตว์ที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ พบแพร่กระจายอยู่ทั่วโลกโดยเฉพาะในเขตร้อนและเขตกึ่งร้อน มีลักษณะลำตัวสีเทาดำ รูปร่างค่อนข้างเพรียว ส่วนหัวมีแนวสันนูน 3 สัน ครีบเล็กและปลายแหลม มีร่องใต้คาง 40-70 ร่อง เมื่อโตเต็มที่ลำตัวจะยาว 14-15.5 เมตร ส่วนวัยเจริญพันธุ์ อยู่ในช่วงอายุ 9-13 ปี จะออกลูกครั้งละ 1 ตัวทุก 2 ปี ตั้งท้องนาน 10-12 เดือน ระยะให้นมน้อยกว่า 12 เดือน ลูกวาฬแรกเกิดจะมีความยาวประมาณ 3-4 เมตร

 วาฬบรูด้า อายุยืนถึง 50 ปี เวลาจมตัวดำน้ำจะโผล่หัวเล็กน้อยแล้วทิ้งตัวจมหายไปไม่โผล่ส่วนหางขึ้นมาเหนือน้ำ จะอยู่รวมกัน 1-2 ตัว ไม่พบการอพยพย้ายถิ่นฐานเป็นระยะทางไกล อาหารส่วนใหญ่เป็น ลูกปลาและหมึก ปลาทู ปลากะตัก เป็นต้น สำหรับในเมืองไทยสามารถพบได้ในจังหวัดชายทะเลเกือบทุกจังหวัด แต่จะพบบ่อยที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
 
เรื่อง / ทีมข่าวรายงานพิเศษ
ขอบคุณภาพจาก คุณศุภโชค ชัยธนะกุลมงคล