ข่าว

แกะรอยล่า...แก๊งปล้นตู้เซฟสืบพฤติกรรม"ใช้เงินมือเติบ"

แกะรอยล่า...แก๊งปล้นตู้เซฟสืบพฤติกรรม"ใช้เงินมือเติบ"

30 ก.ย. 2553

การเก็บรักษาทรัพย์สินมีค่าไว้ในตู้เซฟที่ดูมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยอาจไม่ใช่คำตอบของการรักษาทรัพย์สินให้รอดพ้นจากการถูกโจรกรรม เพราะทุกวันนี้แก๊งโจรกรรมตู้เซฟก็พัฒนาฝีไม้ลายมือจนเป็น "โจรกรรมขั้นเทพ" ทั้งแนบเนียนและลอยนวล จนสร้างปัญหาหนักใจให้บรรดาตำรวจและส

 กลางวันแสกๆ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2553 มีกลุ่มคนร้ายบุกปล้นร้านแผ่นดินทองวัสดุก่อสร้างของนายฉัตรชัย ฉัตรวิจิตรโชค อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา เลขที่ 60/36 ริมถนนติวานนท์ หมู่ 8 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยคนร้ายจับคนรับใช้ 3 คนมัดขังในห้องน้ำ ก่อนงัดตู้เซฟกวาดทรัพย์สินไปมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท  

 หลังเกิดเหตุเกือบ 1 เดือน พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ตท.กฤษณะ คุณากร รอง ผบก.สส. พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 และ พ.ต.ท.อภิชาติ วรรณภักดิ์ รอง ผกก.สส. พร้อมชุดสืบสวน สามารถจับกุมแก๊งคนร้าย และสามารถติดตามทรัพย์สินบางส่วนคืนให้ผู้เสียหายได้

 เบื้องหลังการแกะรอยแก๊งปล้นตู้เซฟจนพิชิตคดีนี้ สืบเนืองจากสายข่าวของชุดสืบสวนได้ให้ข้อมูลถึงพฤติการณ์ของนายวิชาญ พานิคม อายุ 46 ปี มีใช้เงินมือเติบ ทั้งที่เพิ่งออกจากเรือนจำในคดีปล้นทรัพย์ได้ไม่นาน อีกทั้งสายข่าวพอทราบว่าช่วงเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นายวิชาญเพิ่งลงมือก่อเหตุปล้นทรัพย์จากสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง จึงทำให้นายวิชาญเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1 ของคดีนี้

 เมื่อทราบเบาะแสชุดสืบสวนเริ่มตรวจสอบประวัติของนายวิชาญอย่างละเอียด จนพบข้อมูลที่พอเป็นแนวทางการสืบสวนพบว่า ในอดีตนายวิชาญเคยอยู่ในแก๊งค้าสิ่งผิดกฎหมายอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี และตามแนวชายแดนด้าน จ.ตราด และ จ.สระแก้ว หลังจากพ้นโทษคดีปล้นทรัพย์ นายวิชาญไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง 

 ชุดสืบสวนจึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์ของนายวิชาญอย่างเงียบๆ เพื่อหาเบาะแสความเคลื่อนไหวของนายวิชาญ ว่าคบหาสมาคมกับใครบ้างในช่วงก่อนและหลังการงัดเซฟในพื้นที่

 ความพยายามของชุดสืบสวนที่ตามติดแบบกัดไม่ปล่อย จนทำให้ทราบถึงความเชื่อมโยงของผู้ต้องสงสัยที่มีความสนิทสนมกับนายวิชาญ คือนายสันต์ทัศน์ หรือ คิว จรัสเสถียร อายุ 46 ปี และจากการตรวจสอบพบว่านายสันต์ทัศน์ ในอดีตเคยเป็นที่ปรึกษาและเลขานุการส่วนตัวของนายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รมว.สาธารณสุข ซึ่งเคยต้องโทษในคดีทุจริตยา ติดคุกกว่า 2 ปี และเมื่อตรวจสอบประวัติของนายสันต์ทัศน์ จึงสืบทราบว่ามีความสนิทสนมกับนายชัยชนะ สุภนามัย อายุ 34 ปี และนายสงวน คมคาย อายุ 56 ปี

 ชุดสืบสวนนำประวัติที่น่าจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งหมดนำมาตรวจสอบ พร้อมคัดกรองข้อมูลการ
ข่าวของบุคคลทั้ง 4 คน จนกระทั่งพบว่านายสงวนเคยมีญาติชื่อ "เอ๋" ทำงานอยู่ที่ร้านวัสดุก่อสร้างของผู้เสียหายแล้วลาออกไปนานแล้ว แต่ยังทำงานอยู่ใกล้ละแวกที่เกิดเหตุ

 นายสงวนถูกเชิญตัวมาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นทรัพย์โดยงัดตู้เซฟในที่เกิดเหตุหรือไม่ ไม่นานนักนายสงวนก็ยอมเปิดปากบอกข้อมูลว่า ตนเป็นคนชี้เป้าแล้วคอยดูต้นทางอยู่หน้าตึกแถว 4 ชั้น 2 คูหา โดยหลอกถามข้อมูลจากญาติที่เคยทำงานที่ร้านวัสดุก่อสร้าง ร่วมกับนายคทาภรณ์ คำนวณ อายุ 56 ปี นายชัยชนะ นายวิชาญ และนายสมบัติ หรือแป๊ะ ร่วมกันวางแผนปล้นทรัพย์ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในการช่วยกันนำชะแลงงัดตู้เซฟนำทรัพย์สินออกมาแล้วหลบหนี หลังจากนั้นทรัพย์สินบางส่วนนำไปให้นายสันต์ทัศน์ แล้วค่อยๆ ทยอยนำไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งกัน

 "ตอนนี้ผู้ถูกกล่าวหาอีก 2 คนคือนายวิชาญ พานิคม และนายสมบัติ หรือแป๊ะ อยู่เจริญ ยังหลบหนีการจับกุมตามหมายจับ อย่างไรก็ตาม สามารถนำทรัพย์สินบางส่วนกลับคืนมาได้ เบื้องต้นทองรูปพรรณถูกนายสันต์ทัศน์นำไปทยอยขายได้เงินสดประมาณ 4 แสนบาท ทรัพย์สินบางส่วนก็ยังอยู่กับนายสันต์ทัศน์ และจากแนวทางการสืบสวนทราบว่านายวิชาญ และนายสันต์ทัศน์ รู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี" พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 ระบุ