ข่าว

ชุมชนยุโรปยุคอยุธยาที่บ้านโปรตุเกส

ชุมชนยุโรปยุคอยุธยาที่บ้านโปรตุเกส

27 ก.ย. 2553

ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประจำทุกปีของแม่น้ำเจ้าพระยาในหน้าฝน ทำให้กรมศิลปากรต้องรีบเร่งรับมือกับน้ำที่จะเอ่อล้นเข้าท่วมแหล่งโบราณสถานต่างๆ บริเวณใกล้ลำน้ำกันหลายระลอก โดยเฉพาะแหล่งที่ได้รับผลกระทบหนัก เช่น บ้านโปรตุเกส ที่มักเข้าท่วมบริเวณที่เก็บโครงก

 โปรตุเกส นับเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกๆ ที่ได้ส่งทูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2054 (ค.ศ.1511)

 ในวิทยานิพนธ์เรื่อง “ชุมชนโปรตุเกสในสมัยกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2059-2310 (ค.ศ.1516-1767)” ของพิทยะ ศรีวัฒนสาร เสนอว่า ชุมชนโปรตุเกสเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างน้อยในปี พ.ศ. 2059 (ค.ศ.1516) โดยยึดหลักฐานในสัญญาทางพระราชไมตรีระหว่างกรุงศรีอยุธยากับโปรตุเกส เมื่อพ.ศ. 2059(ค.ศ.1516) นับเป็นสนธิสัญญาฉบับแรกที่ไทยทำกับชาติตะวันตก ซึ่งระบุถึงการอนุญาตให้ชาวโปรตุเกสสามารถเดินทางเข้ามาค้าขาย ตั้งบ้านเรือนและปฏิบัติศาสนกิจในกรุงศรีอยุธยา แลกเปลี่ยนกับการที่ทางการโปรตุเกสดำเนินการจัดหาปืนและกระสุนดินดำแก่กรุงศรีอยุธยา และอนุญาตให้ชาวสยามเดินทางไปค้าขายที่มะละกา

 ชุมชนโปรตุเกสมีศูนย์กลางของชุมชนดั้งเดิมคือ บริเวณโบสถ์เซนต์โดมินิกัน (โบสถ์ซานเปโตร) ตั้งอยู่บนที่ลุ่มชายฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศตะวันตก นอกเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาไปทางใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร อันเป็นย่านชุมชนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นทั้งชาติฮอลันดา อังกฤษ ญี่ปุ่น มุสลิม และจีน

   พระราชพงศาวดาร กล่าวว่า หมู่บ้านโปรตุเกส ก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. 2083 พระไชยราชาธิราช พระราชทานที่ดินให้ตั้งหมู่บ้านขึ้นบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยานอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้ เพื่อเป็นบำเหน็จความดีความชอบของชาวโปรตุเกสจำนวน 120 คน ที่เข้ารับราชการเป็นทหารอาสาร่วมรบในสงครามเมืองเชียงกรานจนได้รับชัยชนะ
 
        แหล่งชุมชนต่างชาติ แสดงถึงการเข้ามาติดต่อแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจ การเมือง และศาสนา ที่ช่วยสร้างให้อยุธยาเกิดพัฒนาการ ที่คนไทยสยามต้องช่วยกันรักษาดูแล


เรือนอินทร์ หน้าพระลาน