ข่าว

 ตามรอย..คลิปนายพลฉาว13นาที

ตามรอย..คลิปนายพลฉาว13นาที

24 ก.ย. 2553

...ภายในห้องทำงานอันแสนโออ่า มีโซฟาชุดใหญ่ไว้คอยต้อนรับแขก ใกล้กันเป็นโต๊ะทำงานสีขาวสะอาดตาหันหน้าไปทางประตูห้อง เก้าอี้บุนวมสีม่วงอ่อน 2 ตัวว่างเปล่าเหมือนกำลังรอคอยผู้มาเยือน...ชายสูงวัยในเครื่องแบบยศ "พล.ต.ต." ลุกจากโต๊ะทำงานไปเปิดประตูให้หญิงสาวในเครื

 แต่ฝ่ายชายดูท่าทีเป็นกังวลพยายามมองที่ประตูตลอดเวลา ขณะใช้ฝ่ามือซ้ายลูบที่หน้าอกและใต้เข็มขัดฝ่ายหญิง ก่อนถลกชายกระโปรงสูงระดับเข่าจนเห็นขาอ่อน ฝ่ายหญิงก็กอดรัดอยู่ตลอดเวลา แต่เจ้าของห้องยังกังวลกับสิ่งที่อยู่นอกประตู แล้วฝ่ายหญิงก็เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนนายตำรวจออกไปนอกประตูแล้วกลับเข้ามาตามไปที่ห้องน้ำใช้เวลาอยู่ด้วยกันเกือบ 7 นาที นายตำรวจสวมเสื้อยืดสีขาวออกมาพร้อมถือเสื้อสีกากีออกมาแต่งตัวที่โต๊ะทำงาน และเดินวนไปที่ประตู ก่อนเดินกลับไปตามฝ่ายหญิงออกมาจากห้องน้ำ มานั่งพูดคุยบนโต๊ะทำงานสักพักตำรวจหญิงก็เดินออกจากห้องไป...

 นั่นคือ เรื่องราวของนายตำรวจยศนายพล ถูกถ่ายทอดผ่านคลิปวิดีโอเกือบ 13 นาที แต่สร้างแรงสะเทือนไปทั้งวงการสีกากี !!

  "หากลงชื่อนามสกุลผมจะฟ้อง รู้ไหมว่าตอนนี้มีใครเสียหายบ้าง ทั้งครอบครัวผม ครอบครัวของตำรวจหญิง ตำรวจทั้งจังหวัด ตำรวจทั้งประเทศเสียหาย" นายตำรวจที่ปรากฏในคลิปตำรวจฉาว เปิดใจหลังตกเป็นข่าวคาวยังไม่ทันครบ 24 ชั่วโมง พร้อมยืนยันว่า สิ่งที่ปรากฏในคลิปที่เผยแพร่สู่สาธารณชนไม่ใช่ความผิดของตัวเอง แต่ถูกกลุ่มขบวนการที่จ้องจะเลื่อยขาเก้าอี้ช่วงโยกย้าย แถมยังมีคนแนะนำให้ลาออกจากราชการด้วย

 "ทำไมผมต้องลาออก เพราะผมไม่ผิด" นายตำรวจยศนายพล บอกถึงประโยคที่โต้ตอบกับผู้ที่แนะนำ

 เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง สอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับนายตำรวจในคลิปวิดีโอ อ้างว่า พอรู้ระแคะระคายมาเป็นเดือนแล้ว แต่มารู้จริงๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ก.ย. 2553) ทั้งนี้ กล้องวิดีโอวงจรปิด 2 ตัวในห้องทำงานนั้น เป็นคนที่นำมาติดตั้งเอง และเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของกลุ่มที่อยากมานั่งตำแหน่งนี้แทน

 "ลองคิดดูภาพถูกปล่อยออกมา ตอนนี้ไม่มีเจ้าทุกข์ ไม่มีผู้เสียหาย ในทางกลับกันหากมีเจ้าทุกข์ มีผู้เสียหาย เขามาแบล็กเมล์เรียกเงินผมไม่ดีกว่าหรือ ทำไมต้องทำแบบนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิดปกติจะมีวันที่ เดือน ปี และเวลา แต่ในภาพไม่ปรากฏวันเวลาเพราะถูกลบออกไป" นายตำรวจยศนายพลแจงกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่

 ก่อนตอบคำถามที่ถามอย่างลูกผู้ชายว่า เป็นอันว่าทำจริงหรือไม่ ? แล้วภาพจากกล้องวิดีโอในห้องทำงานของตัวเองหลุดออกมาได้อย่างไร ?
 
 "ของผมไม่สู้ไร้สมรรถภาพทางเพศ ปีหน้าผมก็จะเกษียณแล้ว"

 "หากถามอย่างลูกผู้ชาย มีเด็กมาป้วนเปี้ยนเอาอกเอาใจ จะอดใจไหวหรือเปล่า ความผิดพลาดเกิดจากมือที่สาม เพราะมือที่หนึ่งและมือที่สองเป็นคนใกล้ชิดผม ไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจนทำให้วงการตำรวจเสื่อมเสียขนาดนี้"  คำตอบสุดท้ายจากปากนายตำรวจในคลิปอื้อฉาว

 เรื่องทำนองนี้ เคยเกิดขึ้นกับวงการตำรวจมาแล้วหลายครั้ง สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง แนะนำว่า อยากให้ผู้เสียหายมาฟ้องร้องดำเนินคดีภายใน 3 เดือน หากเป็นการกระทำที่เราไม่ยินยอม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำความผิดซ้ำ ทั้งนี้ ปัญหาที่ผู้เสียหายถูกกระทำด้วยการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการคุมคามทางเพศมีอยู่มาก


 "ผู้ที่อยู่ในคลิปที่โผล่ออกมาสู่กระแสสังคม จะทำให้คนในคลิปขาดความมั่นใจ ตอนนี้ต้องให้กำลังใจผู้หญิง สนับสนุนความเข้มแข็งให้เขา สังคมต้องไม่ซ้ำเติม และอยากให้ผู้เสียหายมาฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อไม่ให้ย่ามใจ ถ้าไม่ดำเนินคดีอาจถูกมองว่าทำตัวไม่เหมาะสมเสียเอง ต้องเรียกร้องศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง แต่ก็เข้าใจผู้ถูกกระทำอาจอยู่ในสภาวะน้ำท่วมปาก และอาจถูกข่มขู่ท้าทาย ถ้าหากผู้เสียหายไม่กล้ามาดำเนินคดี อาจจะมีบทลงโทษทางวินัยของ ก.ตร." น.ส.สุเพ็ญศรี ระบุ

 ส่วนที่นายตำรวจอ้างว่าเป็นการดิสเครดิตตัวเองนั้น น.ส.สุเพ็ญศรี บอกว่า ก็ต้องรีบมาฟ้องร้องดำเนินคดีผู้ที่ทำให้เสียหาย และกรณีที่เกิดขึ้น อยากให้เป็นบทเรียนในการลดปัญหาหมาหยอกไก่ สมภารกินไก่วัด ของบรรดาข้าราชการที่ใช้อำนาจคุกคามทางเพศ แม้ว่าวงการตำรวจจะมีไม่มาก ก็ควรจะออกระเบียบให้ผู้เสียหายไม่ต้องมาฟ้องร้องก็สามารถดำเนินคดีได้