
ร้องศาลฯสั่ง"จารุวรรณ"หยุดใช้อำนาจผู้ว่าสตง.
พิศิษฐ์ รองผู้ว่า สตง. ร้องศาลปกครองกลาง ร่วมเป็นผู้ฟ้องคดีผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ไต่สวนฉุกเฉินกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวสั่งคุณหญิงจารุวรรณ หยุดใช้อำนาจผู้ว่า สตง. ออกคำสั่งใด ๆ เหตุสร้างความสับสน ขรก. ทำงาน ระบุ ลูกน้องยังให้ความเคารพ แต่ต้องหาข้อยุ
(23ก.ย.) ที่ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ เวลา 10.30 น. นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมฝ่ายกฎหมายสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง ขอเป็นผู้ร้องสอด ( ผู้ฟ้องคดีร่วมในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ) คดีหมายเลขดำ 1306/2553 ที่นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. เรื่องกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่ออกคำสั่ง สตง. ที่ 184/2553 วันที่ 18 ส.ค.53 เรื่องยกเลิกคำสั่งแต่งตั้ง นายพิศิษฐ์ รองผู้ว่า สตง.ให้รักษาราชการแทนผู้ว่า สตง. เนื่องจากกระทำการโดยไม่มีอำนาจ เพราะคุณหญิงจารุวรรณ พ้นจากตำแหน่งเมื่อมีอายุครบ 65 ปีแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.53 ที่ผ่านมา
โดยการร้องสอด นายพิศิษฐ์ ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่ง สตง. วันที่ 18 ส.ค.53 รวมทั้งห้ามคุณหญิงจารุวรรณดำเนินการใด ๆ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอีก และขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว หรือกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของราชการ เพื่อผู้ถูกฟ้องหยุดการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ขณะที่ก่อนหน้าที่เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำขอคุ้มครองชั่วคราวของประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากเห็นว่าไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียและได้รับผลกระทบโดยตรง
อย่างไรก็ดี นายพิศิษฐ์ รองผู้ว่า สตง. กล่าวว่า การร้องสอดตนดำเนินการในฐานะที่เป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่า สตง. ที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งการไม่ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของคุณหญิงจารุวรรณ ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในการทำงานของ สตง. เนื่องจากยังมีข้าราชการหลายคนที่เชื่อว่าท่านยังมีอำนาจรักษาการอยู่ ขณะที่ สตง. ไม่สามารถบังคับให้คุณหญิงจารุวรรณ ยกเลิกการออกคำสั่งต่างๆ ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ สตง. ยังเคารพท่าน แต่การฟ้อง ต้องการให้คุณหญิงจารุวรรณ หยุดการกระทำที่อาจขัดต่อกฎหมายไว้ก่อน เพราะหากยังดำเนินการใด ๆ ต่อไปจะทำให้เกิดปัญหา ซึ่งคุณหญิงจารุวรรณ ได้เข้ามาออกคำสั่งในฐานะผู้ว่า สตง. ตรวจสอบงบการเงินของหน่วยงานต่างๆ และเข้าไปข้องเกี่ยวกับการรายงานตรวจสอบสืบสวนของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินอีก 3 แห่ง ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ สตง.ไม่เป็นความลับ ทำให้ สตง.ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง