ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงข่าวลือ แต่ว่าข่าวคราวที่บอกว่าซาอุดีอาระเบียอาจจะปิดสถาตทูตประจำกรุงเทพฯ หรือลดระดับความสัมพันธ์ลงไปอีก เช่นเหลือเพียงเลขานุการทูต โดยให้อุปทูตกลับบ้าน จะทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติมระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย
การที่ อุปทูตซาอุฯ นาบิล แอชรี ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 ด้วยภาษาที่ค่อนข้างรุนแรง กล่าวหาว่าทางการไทย ได้ใช้คำว่า ฮิวอินฟอร์ แปลว่าไม่รู้เรื่อง แปลว่าไม่มีความรู้ แทนที่จะเป็น มีสอินฟอร์ม หรือได้รับข้อมูลผิดเกี่ยวกับการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ทั้งๆ ที่ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหากรณีที่สถานทูตซาอุดีอาระเบียสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนักการทูตซาอุฯ
ทั้งหมดนี้ถึงแม้ว่าฟังดูเหมือนจะเป็นความเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินเหตุ แต่ก็เป็นไปได้ถ้าหากฟังน้ำเสียงลีลาจากอุปทูตซาอุฯ ท่านนี้ เพราะว่าท่านยืนยันว่ารัฐบาลซาอุฯ ยังไม่พอใจกับคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี ของ รองนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ
ทั้งสิ้นทั้งปวงนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทย ที่จะต้องใช้ทุกวิถีทางการทูตเพื่อป้องกันไม่ให้ซาอุดีอาระเบียปิดสถาตทูต เพราะว่าถ้าหากปิดสถานทูตแล้วการฟื้นคืนสู่ภาวะปกติเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ ขนาดประเด็นเรื่องลดระดับความสัมพันธ์เหลือแค่ระดับอุปทูต ก็มีมายาวนานเกินกว่าที่ความสัมพันธ์ปกติพึงจะมีได้
ทั้งนั้นทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าซาอุดีอาระเบียยังมีความสงสัยคลางแคลงในหลายสิ่งหลายอย่างที่ทางการไทยทำเกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับซาอุดีอาระเบียนี้แหละ ทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยก็ดี หรือวิธีการทางการทูตที่จะชี้แจงอธิบายก็ดีนั้น มีประเด็นปัญหาแห่งประสิทธิภาพและความชัดเจน
ฉะนั้นไม่ว่าข่าวลือนี้จะจริงหรือไม่จริง รัฐบาลไทยต้องถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ สำคัญถึงขั้นที่ว่าจำเป็นจะต้องมีการส่งคนไปพูดจากับรัฐบาลซาอุดีอาระเบียโดยตรงก็ได้ เพราะว่ามาถึงวันนี้การพูดจาของอุปทูตท่านนี้กับกระทรวงต่างประเทศดูเหมือนจะไม่ไปถึงไหน จะเป็นความผิดของฝ่ายใดก็ตาม เรื่องนี้จะปล่อยให้คาราคาซังและเสื่อมทรามลงไม่ได้เป็นอันขาด
สุทธิชัย หยุ่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง