
กระตุ้นเที่ยวไทย ผ่านปลายจวัก
โอกาสที่รายการ "Runaway Chef" จากสหรัฐอเมริกา โดยเชฟคนดังและผู้ดำเนินรายการ ไมเคิล จินอร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อปักหลักถ่ายทำรายการเกี่ยวกับการทำอาหารไทยทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสือปืนไวจึงหยิบโอกาสนี้หวังกระตุ
ประเดิมที่กรุงเทพฯ โดยเปิดวังจักรพงษ์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ได้เข้าครัวปรุงสำหรับชาววัง นำโดย "เชฟเอียน" พงศ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย หรือ "เชฟมือทอง" เจ้าของร้านอาหารไทยชื่อดัง "ไฮด์ แอนด์ ซีค" ซึ่งรู้จักกับ ไมเคิล จินอร์ มากว่า 20 ปี มื้อนี้เชฟเลือกโชว์เสน่ห์ปลายจวักตำรับชาววังอวดชาวโลกกับ "ยำส้มโอ" และ "ยำหัวปลี" เพราะจากประสบการณ์ชาวอเมริกันรู้จักอาหารไทยเพียงผัดไทย จึงอยากนำเสนอรายการอื่นๆ บ้าง
"ยำหัวปลี ถ้าผมปรุงที่ต่างประเทศมีเคล็ดลับให้ทานง่ายขึ้น ด้วยการนำหัวปลีไปลวกในน้ำกะทิก่อนจะนำมาคลุกเคล้าน้ำยำรสเด็ดสูตรพิเศษ ส่วนยำส้มโอปรุงตามฉบับโบราณดั้งเดิมใส่มะพร้าวคั่ว หอมทอด และกุ้งแห้ง หน้าตาและรสชาติเย้ายวนชวนหลงใหล" เชฟมือทอง กล่าว
ขณะที่ "เชฟโทนี" สุทัศน์ ชาญวิเศษ ทายาทร้านจิตรโภชนา เลือกปรุงของว่างตำรับชาววัง แต่ใส่ความเป็นสากลลงไปให้มีหน้าตาแบบ "คานาเป้" อาทิ ม้าฮ่อ, หรุ่ม หรือ ล่าเตียง ซึ่งอยู่ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน บทพระราชนิพนธ์ ในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 2 และตำรับชาววังที่แม้จะเป็นคนไทยเองก็ยังไม่คุ้นหน้าตา ชื่อ "ข้าวขวัญ" ฝีมือของ อาจารย์กอบแก้ว นาจพินิจ แห่ง "ข้าว คุกกิ้ง สคูล" ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่าตำรับนี้มีที่มาเมื่อครั้งที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประชวรหนัก จึงมีการปรุงข้าวขวัญถวาย ซึ่งเป็นข้าวน้ำพริกมะขามรสชาติเค็ม หวาน เปรี้ยว และมัน กลมกล่อม มีเครื่องเคียงอย่างหมูหวานฝอย ปลาสลิด ไข่ฝอย ประกอบเป็นบายศรีสวยงาม
บรรยากาศการถ่ายทำรายการเป็นกันเอง พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ชิมรสตำรับชาววัง ซึ่ง จุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท.กล่าวว่า รายการ Runaway Chef จะตระเวนถ่ายทำรายการอาหารไทยใน 5 จังหวัดจนถึงวันที่ 16 กันยายนนี้ ได้แก่ กรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย เน้นอาหารชาววัง และท้องถิ่น โดยจะนำไปออกอากาศช่องฟรีทีวีของอเมริกาช่างปลายปีนี้
"นอกจากจะมีการโปรโมทเรื่องอาหารไทยแล้ว ยังสอดแทรกวิถีชีวิต สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้าไปด้วย ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เผยแพร่ความเป็นไทยสู่สายตาชาวต่างประเทศ ช่วยลดภาพลักษณ์ด้านลบจากสถานการณ์ความไม่สงบของบ้านเมืองที่ผ่านมา" รองผู้ว่าการด้านการตลาด ททท.กล่าวทิ้งท้าย