
ปิดตำนาน 11 ปี แข้งจุฬาภรณ์แตก
ปิดตำนานสถาบันพัฒนาฟุตบอลเยาวชนโรงเรียนจุฬาภรณ์ เดอะเซนต์ อรรณพ สิงห์โตทอง ผู้ดูแลสถาบันยอมรับเสียดายเวลา 11 ปี กว่าชลบุรีจะมาถึงวันนี้ แต่ก็ต้องยอมรับนโยบายของโรงเรียน ด้าน คาร์ เกียรติประวุฒิ สายแวว หนึ่งในผลผลิตสถานที่แห่งนี้ ยอมรับเสียดายมากทั้งท
ตามที่มีกระแสข่าวว่าหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารโรงเรียนจุฬาภรณ์ ที่เป็นสถาบันพัฒนาฟุตบอลเยาวนแห่งแรกของเมืองไทย ภายใต้การร่วมมือของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในสมัยที่ "วีเจ" นายวิจิตร เกตุแก้ว เป็นนายกสมาคม กับจังหวัดชลบุรี ได้ปิดสถาบันอย่างเป็นทางการแล้วนั้น นายอรรณพ สิงห์โตทอง เปิดเผยว่า การปิดสถาบันพัฒนาฟุตบอลเยาวชนที่โรงเรียนจุฬาภรณ์นั้น ยอมรับเป็นเรื่องจริง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามุมมองของผู้บริหารโรงเรียนจุฬาภรณ์คนใหม่ด้วย ซึ่งอาจะมีเหตุผลบางประการ ดังนั้นเมื่อโรงเรียนไม่มีนโยบายในเรื่องกีฬาฟุตบอลก็จำเป็นที่จะต้องปิดสถาบัน เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ถือเป็นทางออกที่ดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย
“ยอมรับเสียดายมากที่ต้องปิดสถาบันพัฒนาฟุตบอลเยาวชน เพราะเริ่มมากว่า 11 ปีแล้ว ผลิตนักเตะปีละเกือบ 80 คน ต้องยอมรับว่าเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักเตะมีการพัฒนาฝีเท้าได้อย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างนักเตะที่มีคุณภาพจนก้าวขึ้นสู่ทีมชาติได้หลายคน ขณะเดียวกันเราต้องขอบคุณโรงเรียนด้วยที่ให้โอกาสดีๆ เช่นนี้ ต้องยอมรับว่าถ้าไม่มีวันนั้น ชลบุรีอาจจะไม่มาถึงวันนี้ก็ได้ หรืออาจจะไม่มีชื่อนักเตะทีมชาติอย่าง เกียรติประวุฒ สายแวว หรือนักเตะคนอื่นๆ ก็ได้“
นายอรรณพ กล่าวอีกว่า ตอนนี้นักฟุตบอลทีมจุฬาภรณ์ ได้แยกย้ายกันเกือบหมดแล้ว โดยตนส่งนักเตะไปเก็บตัวอยู่ที่โรงเรียนกีฬาชลบุรี, อัสสัมชัญศรีราชา และโรงเรียนชลราษฎร์อำรุง เชื่อว่าแม้จะต้องปิดสถาบันพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนจุฬาภรณ์แล้วจะไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทั้งระบบแน่นอน แม้จะมีนักเตะเหลืออยู่ประมาณ 14 คน ซึ่งทุกกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 จะขอเรียนต่อให้จบการศึกษา เพราะถ้าย้ายตอนนี้ลำบากมาก
ด้าน “เจ้าคาร์” เกียรติประวุฒิ สายแวว นักเตะทีมชาติไทย เปิดเผยว่า หลังได้ทราบข่าวยอมรับว่าเสียดายมาก ถือเป็นแหล่งผลิตนักเตะที่มีคุณภาพ ที่สำคัญโรงเรียนจุฬาภรณ์มีชื่อเสียงในด้านฟุตบอลมาก ผลงานที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จมาทุกระดับแล้ว สร้างนักเตะป้อนขึ้นสู่ทีมชาติมาหลายคนแล้ว