
เมืองมะเดื่อ อุทุมพรพิสัย ภายใต้วัฒนธรรมขอม
อ.อุทุมพรพิสัย ใน จ.ศรีสะเกษ ปัจจุบัน ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2410 ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีปรากฏในประชุมพงศาวดารภาคที่ 6 ว่า พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน (วัง) กราบบังคมทูลขอตั้งบ้านกันตวด ต.ห้วยอุทุมพร ขึ้นเป็น เมืองอุทุมพรพิสัย ขึ้นต่อเมืองขุขันธ์ และโปรดเกล้าฯ ใ
ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อเปลี่ยนการจัดการปกครองท้องที่เป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล จึงยุบเมืองอุทุมพรพิสัยลง แล้วต่อมาใน พ.ศ.2454 ณ ท้องถิ่นนั้นได้ตั้งเป็น “อ.ประจิม” ขึ้นแทน
ตามประวัติกล่าวว่า ต่อมา พ.ศ.2457 นายบุญมา ศิลปาระยะ นายอำเภอในเวลานั้น ได้พิจารณาเห็นว่าบริเวณโดยรอบที่ว่าการอำเภอประจิมมีต้นมะเดื่อขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอ จึงได้เปลี่ยนชื่อจาก “อ.ประจิม“ มาเป็น “อ.อุทุมพรพิสัย" เช่นเดิม เพราะคำ “อุทุมพร” หมายถึง ชื่อของต้นมะเดื่อชนิดหนึ่ง “พิสัย” แปลว่า ขอบ, เขต, แดน, ตําบล, ถิ่น, แว่นแคว้น, ที่, มณฑล, ประเทศ “อุทุมพรพิสัย“ จึงมีความหมายว่า “เขตแดนที่มีต้นมะเดื่อขึ้นอยู่“
ในยุคหนึ่งเมื่อ พ.ศ.2411 แอดมิราล ผู้สำเร็จราชการฝรั่งเศสแห่งเมืองไซง่อน แจ้งต่อรัฐบาลไทย สงสัยการตั้งเมืองอุทุมพรพิสัยและเมืองกันทรลักษ์ จะรุกล้ำเขตแดนเขมร จึงโปรดเกล้าฯ ให้หลวงเดชอัศดร ขุนอินทร์อนันต์ เป็นข้าหลวงออกไปพร้อมด้วยพระยาทรงพล ทำการไต่สวนและตรวจสอบทำแผนที่ส่งกรุงเทพฯ ให้พระยากันทรลักษ์บาล เจ้าเมือง ย้ายเมืองกันทรลักษ์มาไว้ที่บ้านลาวเดิม ปัจจุบันคือบ้านหลักหิน ต.บักดอง อ.ขุนหาญ และให้พระอุทุมพรเทศานุรักษ์ เจ้าเมือง ย้ายเมืองอุทุมพรมาตั้งที่บ้านผือ ปัจจุบันคือ บ้านผือใหม่ ต.เมือง อ.กันทรลักษ์
เมืองอุทุมพรพิสัย มีเขตแดนล้ำเข้าไปในเขตเขมร เพราะตั้งแต่กว่าเมื่อ 1,000 ปีก่อน บริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเขมร ดังมีร่องรอยหลักฐานศิลปกรรมวัฒนธรรมผู้คนอย่างเขมร ที่เคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก่อน
"เรือนอินทร์ หน้าพระลาน"



