
เหตุผลที่ขาดตลาด และแพง
บางครั้งการที่สินค้าหายไปจากท้องตลาดเป็นจำนวนมากผิดปกติ ก็เป็นเรื่องที่เกิดจากความตื่นตระหนกของผู้บริโภคเอง ที่หวั่นเกรงว่าสินค้าจะขึ้นราคา หรือเกรงว่าสินค้าจะมีเหลือสำหรับตัวเองน้อยลง เพราะความนิยมของผู้บริโภคด้วยกันเองที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
หรือเกรงว่าผู้ผลิตจะไม่ยอมผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น ฯลฯ ความกลัวเหล่านั้นจึงทำให้ผู้บริโภคที่มีกำลังเงินมากพอ ซื้อสินค้าไปเก็บไว้เกินความจำเป็นที่ต้องใช้ จนเข้าทางของผู้จำหน่ายที่เห็นแก่ตัวร่วมกักตุนสินค้าจนทำให้เกิดการขาดแคลนมากขึ้น และส่งผลให้มีราคาเพิ่มขึ้น
ผมมีตัวอย่างของสินค้าชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่สินค้าซึ่งมีความจำเป็นต่อการครองชีพ และเป็นสินค้าที่มีราคาถีบตัวสูงขึ้นมากกว่าเท่าตัวในชั่งระยะเวลาเพียงแค่ปีเดียว สินค้าที่ว่านั่นคือ ลูกกระสุนปืนที่ใช้ยิงด้วยปืนพกชนิดต่างๆ
ในอดีตผู้ใช้ปืนพกในประเทศไทยส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้แบบรีวอลเวอร์ หรือที่เรียกกันว่าปืนลูกโม่ ซึ่งสามารถบรรจุกระสุนพร้อมใช้ได้กระบอกละ 5 หรือ 6 นัดเท่านั้น มีผู้ใช้ปืนจำนวนไม่มากนักที่ใช้ปืนแบบกึ่งอัตโนมัติ หรือแบบแม็กกาซีน ซึ่งในสมัยนั้นก็ยังมีขีดความสามารถในการบรรจุกระสุน และข้อกำหนดของกฎหมายให้ได้ไม่เกิน 10 นัดต่อกระบอก
เมื่อปีที่ผ่านมามีการแก้ไขกฎหมายอาวุธปืนใหม่ ให้ซองบรรจุกระสุนหรือที่เรียกกันว่าแม็กกาซีนปืนแต่ละอัน สามารถบรรจุกระสุนได้ถึง 20 นัดโดยไม่ผิดกฎหมาย หรือเท่ากับว่าเพิ่มปริมาณการบรรจุให้ปืนแต่ละกระบอกเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว และความนิยมของผู้ใช้อาวุธปืนในประเทศไทยก็หันมาหาปืนแบบแม็กกาซีนมากขึ้น
สถิติการจำหน่ายปืนอย่างไม่เป็นทางการพบว่า สองปีที่ผ่านมามีการขออนุญาตซื้อปืนแบบแม็กกาซีน โดยเฉพาะขนาด 9 มิลลิเมตร เป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการยื่นขอซื้อปืนทุกขนาด ประกอบกับผู้จำหน่ายอาวุธปืนในยุคปัจจุบัน มีการแถมซองกระสุนหรือแม็กกาซีนเพิ่มมาให้อีกหนึ่งชุด จากเดิมที่เคยมีเพียงหนึ่งชุดหรือหนึ่งอันติดมากับตัวปืนเท่านั้น
ดังนั้นจึงเท่ากับว่าปริมาณความต้องการกระสุนปืนขนาด 9 มม. จึงเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงเวลาไม่นานนัก คนที่ซื้อปืนมาใหม่ๆ มักจะหาซื้อลูกกระสุน สำหรับเอามาซ้อมมือเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย เฉลี่ยกระบอกละประมาณ 2 กล่อง หรือเท่ากับ 100 นัด เมื่อเทียบกับจำนวนปืนใหม่ ที่จำหน่ายในช่วงสองปีที่แล้วไม่น้อยกว่าสองหมื่นกระบอก ก็เท่ากับว่ามีความต้องการใช้กระสุนเพิ่มมากขึ้นไม่น้อยกว่ากว่า 2 ล้านนัด
กระสุนที่เคยขายกันในขนาดบรรจุกล่องละ 50 นัด ราคากล่องละไม่ถึง 800 บาท ก็เริ่มขยับปรับตัวขึ้นสัปดาห์ละ 100-200 บาทต่อกล่อง คนที่มีปืนก็กลัวว่าจะหากระสุนใช้ไม่ได้ ก็แย่งกันซื้อหายกใหญ่ทำให้ลูกปืนขาดตลาดมากขึ้นไปอีก ราคาก็ยิ่งปรับถีบตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนปัจจุบันแตะกล่องละ 2,000 บาทเข้าไปแล้ว หรือแพงกว่านั้นด้วยซ้ำหากเป็นกระสุนยี่ห้อยอดนิยม
ซึ่งหากผู้ใช้ปืนซื้อกระสุนเพียงแค่เท่าที่พอใช้ยามจำเป็น จำนวนกระสุนที่หมุนเวียนในท้องตลาด ก็จะมีปริมาณที่ค่อยเป็นค่อยไปตามกลไกของตลาด ราคาก็จะไม่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงเช่นทุกวันนี้
ผมยกตัวอย่างราคาของกระสุนปืนขึ้นมา เพื่อชี้ให้เห็นว่าบางครั้งการที่สินค้าขาดตลาด หรือขึ้นราคาไปอย่างน่าตกใจนั้น ก็เกิดขึ้นเพราะผู้บริโภคเองด้วยเช่นกัน หากเราไม่ตื่นตระหนกกันมากเกินไป แม้ว่าผู้ผลิตอาจจะคาดการณ์ผิดพลาดไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ต้องเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อหาสินค้าเข้ามาสนองตอบความต้องการอยู่ดีครับ