
สารคดีตีแผ่วิบากกรรมของน้องเหมียว
ค่ำคืนอันหนาวเหน็บคืนหนึ่งเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว รถตู้สีน้ำเงินกับรถเก๋งฮุนไดสีเทาเงิน ทำความเร็วแข่งกันบนไฮเวย์ในเมืองเจียซิง มณฑลเจ้อเจียง รถตู้แล่นด้วยความเร็วเต็มสปีด ส่วนฮุนไดก็เร่งความเร็วจี้มาติดๆ ห่างกันแค่ห้าสิบเมตรเท่านั้น ไม่กี่นาทีต่อมารถตู้ต้
"คุณขโมยแมวของคนอื่นสนองความอยากของตัวเองได้ยังไง" เสียงตะโกนสำเนียงเซี่ยงไฮ้ของหนึ่งในหญิงกลุ่มนั้น เธอคว้าคันจับเปิดประตูรถตู้และเข้าไปข่วนคนขับวัยกลางคน ขณะที่หญิงอีกคนวิ่งไปดึงกุญแจออกมา ส่วนคนอื่นๆ ในทีมรีบไปเปิดประตูด้านหลัง ลากถุงผ้าสีดำออกมา
เมื่อเปิดออก จึงได้พบแมวเหมียวมากกว่า 300 ตัว แออัดยัดเยียดอยู่ในกล่องไม้เล็กๆ กว่า 30 กล่องอย่างน่าเวทนา บางตัวสลบไม่ได้สติ บางตัวส่งเสียงร้องโหยหวน บางตัวมีเลือดไหลออกจากหางที่ถูกตัด
จู เชียน อาสาสมัครช่วยเหลือแมวมานานนับสิบปี หันไปบอกกับช่างภาพว่า "พวกนี้เป็นแมวมีเจ้าของ เห็นมั้ยบางตัวยังมีปลอกคออยู่เลย พวกมันถูกขโมยมาจากย่านชุมชนต่างๆ ในนครเซี่ยงไฮ้ มีปลายทางอยู่ที่ภัตตาคารในกวางโจว"
ไม่ใช่ครั้งแรกที่จู เชียนและเพื่อนๆ ได้ช่วยกันสกัดพ่อค้าแมว ขณะพยายามจะจัดส่งแมวที่ตระเวนจับมาอย่างผิดกฎหมาย
นี่คือฉากเปิดเรื่องของ "ซันหัว" หรือสามดอกไม้ ภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกในจีนที่ตีแผ่การขโมย การขนส่ง การฆ่า และการกินเนื้อแมว ผลิตโดย "อ้าย เหวยเหว่ย เวิร์กช็อป" ในกรุงปักกิ่ง หนังเรื่องนี้ลงโรงในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางตุ้ง ช่วงปลายมิถุนายนถึงสิงหาคม และประสบความสำเร็จในแง่ของการปลุกเร้ากระแสความสนใจและความห่วงใยเรื่องการทารุณสัตว์
จุดเริ่มต้นของสารคดีเกิดขึ้นเมื่อปี 2550 องค์กรช่วยเหลือสัตว์ได้โทรศัพท์หา "อ้าย" ซึ่งเป็นทั้งศิลปิน นักวิจารณ์สังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนนักเคลื่อนไหวที่เป็นที่รู้จักคนหนึ่ง คนโทรได้ขอให้เขารับแมวจำนวนหนึ่งในเทียนสินไปเลี้ยง หลังจากที่พวกมันได้รับการช่วยเหลือจากเงื้อมมือของพ่อค้าแมวมาได้
อ้ายถึงกับช็อก เมื่อได้เห็นแมวบาดเจ็บสาหัสจำนวนหลายร้อย นอนเรียงรายอยู่ในยุ้งข้าว หลังจากนั้นจึงตัดสินใจที่จะสร้างหนังตีแผ่การขโมยและธุรกิจการค้าแมวที่ทำกำไรสูงมาก แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลมากนัก กระทั่งได้รับโทรศัพท์อีกสายหนึ่งที่ช่วยให้ความคิดของเขาเป็นจริงขึ้นมา
นั่นก็คือสายจากจู เชียน หญิงปากกล้าผู้เป็นคนเดินเรื่องใน "ซันหัว" ตอนนั้น จู เชียน โทรมาจากเมืองซูโจว มณฑลเจียงสู เพื่อที่จะบอกว่าได้เบาะแสมาว่าแมวหลายร้อยตัวกำลังจะถูกส่งจากเซี่ยงไฮ้ไปกวางโจว และเธอกับพวกมีแผนจะสกัด ไอตัดสินใจส่งช่างภาพคือ กั๊วะ เข่อ ไปเซี่ยงไฮ้ทันที
อ้ายกล่าวว่า อยากฉายภาพให้ประชาชนได้เห็นภาพกว้างของตลาดบริโภคเนื้อแมวว่า มันใหญ่และโหดอย่างไร ต้องการผลักให้ผู้ชมได้ตระหนักถึงความทุกข์ทรมานของแมวและสัตว์อื่นๆ ที่กำลังผจญอยู่ การนั่งเฉยๆ แล้วปล่อยให้พวกมันตายแบบทรมาน ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง
การจับแมวสักตัวนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย วิธีพื้นๆ คือการใช้กรงเหล็กแบบติดขาเหยียบทำให้ประตูปิดได้เมื่อแมวหลงกลเข้าไปในกรงและเหยียบกลไกตรงนั้น โดยมากพวกขโมยแมวจะใช้นกแก้วเป็นๆ เป็นเหยื่อล่อแมวเข้าไปในกรง
กั๊วะ เข่อ ซึ่งเลี้ยงแมวตั้งแต่ยังเด็ก บอกว่า แมวแสนรู้แค่ไหน ก็หลงกล เพราะนกแก้วเป็นเหยื่อล่อชั้นดี
กั๊วะไปกวางโจวสองครั้ง เพื่อถ่ายทำกระบวนการเตรียมและปรุงอาหารจากเนื้อแมวที่ภัตตาคารหลงจือ พ่อครัวหนุ่มตัดหัวแมวและโยนลงไปในหม้อเหล็ก ก่อนสับตัวแมวออกเป็นสองท่อน เลาะอวัยวะภายในออกทั้งหมดและโยนไปในหม้อเดียวกัน ทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที
แต่ถึงจะมีประสบการณ์ฆ่าแมวมานับไม่ถ้วน แต่เจ้าตัวก็ยอมรับว่ากลัว และไม่กล้ามองที่ตาของมันเวลาชำแหละ บางทีต้องใช้ผ้าปิดหน้ามันไว้
พ่อครัวที่ภัตตาคารอีกแห่ง บอกเคล็ดลับว่าควรทรมานแมวอย่างหนักให้มันตายช้าๆ การทรมานจะยืดเวลาให้เนื้อดูดซึมเลือดได้นานขึ้น ซึ่งช่วยรักษาความสดใหม่ของเนื้อแมว
จู เชียน บอกว่า เธอรู้มาว่าพวกพ่อค้าแม่ค้าบาร์บีคิวใช้เนื้อแมวนี่แหละ เอาไปอ้างว่าเป็นเนื้อแกะ เธอถึงไม่เคยกินบาร์บีคิวเลย
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ร้านบาร์บีคิวจำนวนมาก คุ้นเคยดีกับการนำเนื้อแมวมาตบตาทำเป็นเนื้อแกะ วิธีการคือนำเนื้อแมวไปชุบในฉี่แพะ และชะโลมด้วยไขมันแกะ ลูกจ้างภัตตาคารแห่งหนึ่งเปิดเผยกับนสพ.ท้องถิ่นสื่อว่านายจ้างซื้อแมวมาทำเป็นเนื้อแกะนานแล้ว เพราะหากซื้อเนื้อแกะหรือเนื้อวัว กิโลหนึ่งตก 30 หยวน (ประมาณ 150 บาท) แต่หากซื้อแมวโตเต็มวัย ราคาไม่ถึงสิบหยวน (50 บาท)
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เนื้อแมวนั้นมีรสเปรี้ยวและไม่ได้มีคุณค่าทางอาหารใดๆ เลย แถมยังไม่ได้ผ่านการตรวจสุขภาพด้วย โดยเฉพาะแมวนั้น มีแนวโน้มติดเชื้อปรสิตที่ชื่อว่า "ออกโซพลาสมา กอนดิ" จากการที่มันกินพวกหนูหรือนกติดเชื้อเข้าไป
กั๊วะ เข่อ ช่างภาพ บอกว่า หลังเสร็จสิ้นการถ่ายทำสารคดี รู้สึกผะอืดผะอมอยู่หลายสัปดาห์ และแทบไม่ได้กินเนื้ออีกเลย
จีนมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ แต่ยังไม่มีกฎหมายใดที่จะช่วยปกป้องสัตว์เลี้ยง เอ็นจีโอด้านสัตว์ และอาสาสมัคร กำลังเคลื่อนไหวผลักดันให้มีกฎหมายลักษณะนี้ แต่ยังไม่สำเร็จ
ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายนำโดย จาง จื้อเหวิน ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายสังคม สมาคมสังคมศาสตร์จีน ได้เคยเสนอร่างกฎหมายป้องกันการทารุณสัตว์ ซึ่งกำหนดห้ามหลายอย่าง ตั้งแต่ห้ามปล่อยสัตว์อดอาหาร และห้ามการฆ่าสัตว์ต่อหน้าเยาวชน คนที่ทารุณสัตว์อาจจะถูกปรับเป็นเงิน 1,000 หยวน (ประมาณ 5,000 บาท) หากเป็นองค์กร มีระวางโทษปรับถึง 1 แสนหยวน (ประมาณ 5 แสนบาท)
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉางพยายามจะเสนอกฎหมายทำนองนี้ เมื่อเมษายนปีที่แล้ว นักกฎหมายท่านนี้ได้เสนอร่างกฎหมายต่อต้านการทารุณสัตว์และตีพิมพ์บนเว็บไซต์เพื่อให้มีการอภิปรายและถกเถียง
ร่างนี้มีข้อเสนอแนะให้ปรับคนกินหรือฆ่าแมว สูงถึง 5,000 หยวน และมีโทษกจำคุก 15 วัน กระแสของชาวเน็ตให้การตอบรับค่อนข้างดี แต่ก็มีผู้ใช้เน็ตคนหนึ่งกลับตั้งคำถามว่า ทำไมพวกเราถึงกินแมวไม่ได้ ในเมื่อพวกมันไม่ได้อยู่ในบัญชีสัตว์คุ้มครองหรือเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ บางคนแย้งว่าการกินแมวช่วยลดและควบคุมจำนวนแมวเร่ร่อนได้อีกต่างหาก น่าจะส่งเสริมมากกว่าห้าม
บายไลน์ : อุไรวรรณ นอร์มา