ข่าว

พระตำหนักแดง วัดระฆังโฆสิตาราม

พระตำหนักแดง วัดระฆังโฆสิตาราม

04 ก.ย. 2553

หลังการเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 สมเด็จพระเจ้าตากสิน ต้องสละความสุขส่วนพระองค์ กอบกู้แผ่นดินสยามให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่ง แล้วตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี มีพระราชวังเดิม (กองบัญชาการกองทัพเรือ) เป็นที่ประทับ สิ่งที่พระองค์ทรงห่วงใยมากในขณะนั้นคือ ความ

 เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินได้สถาปนาเป็น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงเห็นว่า พระไตรปิฎกถูกทหารพม่าเผาทิ้ง พร้อมกับการทำลายเมืองอยุธยาจนหมดสิ้น ขณะที่ยกทัพไปทำสงครามที่เมืองนครศรีธรรมราช ได้อัญเชิญพระไตรปิฎกเมืองนครฯ และอาราธนาพระอาจารย์สี มาช่วยในการชำระพระไตรปิฎก ณ วัดบางหว้าใหญ่

 ต่อมาขุดพบระฆังเสียงใสในวัด จึงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดระฆัง มาจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จสวรรคต กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศน์ (คุณทองอิน) พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ยก พระตำหนักแดง ที่ประทับของพระองค์ในกรุงธนบุรี มาปลูกไว้ในวัดระฆัง

 กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เสด็จมาทอดพระเนตร ทรงมีพระดำรัสว่า พระตำหนักแดง เคยเป็นที่ประทับทรงกรรมฐานของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช โดยจะเห็นได้จากฝาประจันกั้นห้องในพระตำหนัก มีภาพปริศนาธรรม พระภิกษุเจริญกรรมฐานอยู่ข้างซากศพ แต่ภาพเหล่านี้เลือนหายไปหมดแล้ว

 แม่ชีกฤษณา ผู้ดูแลพระตำหนักแดงเล่าให้ผมฟังว่า พระครูวิมลธรรมธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ได้ทำการบูรณะพระตำหนักแดง และอัญเชิญพระรูปสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มาประดิษฐานไว้เพื่อให้ผู้ที่เคารพรักพระองค์ ได้มาสักการบูชา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการดำรงชีวิต

 วันเสาร์ที่ 11 กันยายนนี้ ผมจะจัดทัวร์ ตามรอยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช ชิมอาหารโต๊ะจีนริมแม่น้ำเจ้าพระยา แจกโป๊ยก่วย (ยันต์แปดทิศ) และซีดีเพลงสวดมนต์พระเจ้าตากสินภาษาแต้จิ๋ว จองด่วน โทร.0-2280-1319-20, 08-7007-9807

ต.เตี๋ยวปลา ลูกชิ้นปลาแต้จิ๋ว
 ด้วยฐานะที่ยากจนของครอบครัว กรกิจ รัตนศิรินิมิตร จึงได้เรียนหนังสือเพียงชั้น ม.ศ.5 จากโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ต้องออกมาทำงานอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาของอาเจ๊ก ช่วยขูดเนื้อปลานำมาบดแล้วปั้นเป็นลูกชิ้น ตามสูตรการทำลูกชิ้นปลาของตำราแต้จิ๋วที่มีชื่อเสียงในเมืองซัวเถา

 กรกิจ มองว่า อาชีพก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาคงไปไม่ไกลเท่าไหร่ จึงออกมาเป็นเซลส์ขายน้ำมันเครื่องรถยนต์ ชีวิตกำลังไปได้ด้วยดีก็มีอันเป็นไป เมื่อฟองสบู่แตกในยุคพ่อใหญ่จิ๋ว แทนที่จะมีกำไรมีเงินเก็บเพื่อตั้งต้นชีวิตใหม่ กลับมีหนี้สินเกือบสามแสนบาท ทำเอาวิมานที่วาดไว้ในอากาศพังทลายลงกองกับดิน

 โชคดีที่ กรกิจ ได้เพื่อนที่เคยเรียนหนังสือมาด้วยกัน คุณเอื้อจิตร เป็นคู่ชีวิต ทั้งสองจึงใช้เงินทุนที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ใช้ความรู้การทำลูกชิ้นปลาที่ยังฝังรากอยู่ในสมอง ผลิตลูกชิ้นปลาสดๆ แล้วเอาออกมาตั้งแผงข้างถนน ขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาตรงข้ามสถานีขนส่งสายใต้เก่า

 สูตรการทำลูกชิ้นปลาแต้จิ๋วโบราณ ต้องใช้เนื้อปลาหลัก 3 อย่างคือ ไซตอ (ปลาดาบลาว) เบกา (ปลาอินทรี) และเจี๊ยะโซ่ย (ปลาหางเหลือง) ผสมในอัตราส่วนที่นำไปบดนวดปั้นเป็นลูกชิ้นปลาแล้ว จะได้ลูกชิ้นปลาเหนียวนุ่มหวานหนึบอร่อย ทั้งสองสามีภรรยาอดทนทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร

 ในที่สุดสามารถเก็บเงินผ่อนชำระหนี้สินที่ติดค้างไว้จนหมด กรกิจและเอื้อจิตร จึงมองเห็นว่า อาชีพที่ไม่เคยมองเห็นฝั่ง จะช่วยให้ปลดเปลื้องหนี้สินได้หมด แต่สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือ ทุกครั้งที่เหน็ดเหนื่อย ปั้นลูกชิ้นลวกก๋วยเตี๋ยวจนเหงื่อไหลเต็มตัว ทั้งสองคนจะรำลึกถึง เศรษฐกิจพอเพียง ของ ในหลวง

 สู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ ตื่นตั้งแต่ตี 5 ไปตลาดซื้อเอี้ยเล้งคาตั๊ง เอามาต้มน้ำซุปกับพริกไทยเม็ดตรามือ แล้วยืนขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาต้มยำเย็นตาโฟตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น เอื้อจิตรต้องไปรับลูกที่โรงเรียน ขณะที่กรกิจต้องกลับบ้านไปปั้นลูกชิ้นปลา เกี๊ยวปลา ลูกชิ้นกุ้ง และฮื่อก๊วย ชีวิตหมุนเวียนอยู่เช่นนี้ทุกวันไม่มีหยุด

 ผมถามทั้งสองคนว่า ทำก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาได้อร่อยอย่างนี้ ทำไมไม่ส่งลูกชิ้นปลา หรือขายแฟรนไชส์ให้คนอื่นไปทำขายบ้าง ก็ได้รับคำตอบว่า ต้องทำลูกชิ้นปลาสดๆ วันต่อวัน ลูกชิ้นปลาจึงพอขายในร้านเท่านั้น ถ้าซื้อไปเก็บไว้นานไปลูกชิ้นจะเสียหายได้ จึงอยากให้ลูกค้าได้กินของสด อร่อยและไม่มีสารกันบูด

 ต.เตี๋ยวปลา เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเล็กๆ เยื้องเซ็นทรัลปิ่นเกล้า หน้าร้านเซเว่น โทร.08-9104-3248

"อ.ไชยแสง กิระชัยวนิช"