
"บุรพาพยัคฆ์-ตท.12"ผงาดคุมทหาร3ทัพ
ย้ายทหารไม่พลิกประยุทธ์ผงาดนั่งผบ.ทบ. นำ"บูรพาพยัคฆ์-ตท.12" คุม 3 เหล่าทัพ "อุดมเดช" มทภ.1 "ธวัชชัย-วรรณทิพย์" มทภ. 2-3 "อุดมชัย" มทภ.4 เผย รอง-ผู้ช่วย ทัพภาค 3 เข้ากรุกินอัตราพลโท เปิดทางน้องชาย ผบ.ทบ.คนใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(2ก.ย.) มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 550 นาย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน 2553 โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
สำหรับรายชื่อที่อยู่ในความสนใจกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ขยับให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก (ตท.12) เป็น ผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 37 ตามคาด พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ตท.10) เป็น รองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ตท.11) เป็น ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.11) พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) (ตท.11) เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และขยับเพื่อนร่วมรุ่น (ตท.12) พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก เป็น เสนาธิการทหารบก หลังโชว์ผลงานจากการวางแผนกระชับพื้นที่ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
"ตท.12-บูรพาพยัคฆ์" พรึ่บคุมทัพ 1-3
ส่วน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.13) และพล.ท.ทนงค์ศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.11) ขยับกินอัตราพลเอกในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการคาดหมายว่าจะขยับขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก โดยเฉพาะ พล.ท.คณิต ที่เป็นสายบูรพาพยัคฆ์ และมีผลงานควบคุมเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองถึง 2 ครั้ง คือ เหตุการณ์เมษายนเลือด ปี 2552 และปี 2553 แต่สุดท้ายก็ได้กินอัตราพลเอกในตำแหน่งประจำ อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม มีสัญญาใจกับ พล.ท.คณิต ว่าจะให้เข้าไลน์ 5 เสือ ทบ.ในปี 2554
นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ยังมีการปรับเปลี่ยนแม่ทัพภาคทั้ง 4 โดยขยับให้ พล.ต.อุดมเดช สีตบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.14) เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็นรุ่นน้องสายบูรพาพยัคฆ์อีกคนที่ถูกคาดหมายว่าจะได้ดำรงตำแหน่งหลักในการโยกย้ายต่อไป ส่วน พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพน้อยที่ 2 (ตท.12) เป็น แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพน้อยที่ 3 (ตท.12) เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 และ พล.ต.อุดมชัย ธรรมาสาโรรัชต์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.13) เป็น แม่ทัพภาคที่ 4 เบียดแคนดิเดตที่ พล.อ.ประยุทธ์ หวังจะให้เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ หัวหน้าคณะประสานงานความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย (ตท.12) ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 แต่สุดท้ายก็ได้แค่ที่ปรึกษากองทัพบก และมี พล.ต.ยอดยุทธ บุญญาธิการ รอง ผบ.นปอ. (ตท.12) เป็น ผบ.นปอ. ส่วน พล.ต.อำพน ชูประทุม ผู้บัญชาการกองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ปตอ.) (ตท.12) เป็น ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายกำลังพล โดยโยก พ.อ.สำเริง สามดาว เป็น ผบ.ปตอ.แทน
ขณะเดียวกันยังได้ปรับเปลี่ยนผู้บัญชาการกองพลหลักสำคัญในเหตุการณ์ 19 พฤษภาคม คือ พล.ต.อุทิศ สุนทร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) (ตท.14) เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และให้ พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี (ตท.15) ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.พล.ร.9 แทน พล.ต.อุกฤษฏ์ ณรงค์วิทย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) (ตท.13) เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และขยับ พ.อ.ภาณุวัชร นาควงษม์ (ตท.17) เป็น ผบ.มทบ.11 พล.ต.ประสงค์ ฟักสังข์ (ตท.14) ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 พล.ต.ประสงค์ บุตรขวัญ (ตท.15) ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 13
นอกจากนี้ยังขยับ พ.อ.พะโจมม์ ตามประทีป น้องชาย พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ เป็นเสนาธิการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ
รอง-ผู้ช่วย มทภ.3 เข้ากรุ-น้องประยุทธ์ขึ้นรอง
พล.ต.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ รองแม่ทัพภาค 3 เป็นที่ปรึกษากองทัพบก พล.ต.ศิริพงศ์ ศโรภาส รองแม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตรา พลโท) ขณะที่ พล.ต.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ ขยับจากเสนาธิการกองทัพน้อยที่ 3 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.สนธิศักดิ์ วิทยาเอนกนันท์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 เป็น รองแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.พีรวัฒน์ เปรมศรี ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ เป็นรองแม่ทัพน้อยที่ 3
22 นายพลหญิง "น้องป๊อก+เมียดาว์พงษ์"เฮ
ส่วนกองทัพเรือ พล.ร.อ.ศุภกร บูรณดิลก ผบ.กองเรือยุทธการ เป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.ร.อ.เถกิงศักดิ์ วังแก้ว เป็นเสนาธิการทหารเรือ พล.ร.อ.ณรงค์ เทศวิศาล เป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พล.ร.ท.สุวิทย์ ธาระรูป เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.ท.วิฑูรย์ คัมภีระพันธุ์ เป็นผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 พล.ร.ต.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
ขณะที่กองทัพอากาศ พล.อ.อ.พิธพร กลิ่นเฟื่อง เป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ พล.อ.อ.ดิลก ทรงกัลยาณวัตร เป็นรองผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.ศรีเชาวน์ จันทร์เรือง เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.ท.วินัย เปล่งวิทยา เป็นผู้บัญชาการควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ น.อ.นุวัฒน์ เกียรติพันธ์ เป็นผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้มีนายพลหญิงใหม่ 22 คน ประกอบด้วย สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 5 คน คือ พ.อ.หญิงจุฑารัตน์ จิตเมตตา พ.อ.หญิง แก้วปั้น โชติกะพุกกณะ พ.อ.หญิง เพ็ญแข แก้วประเสริฐ พ.อ.หญิง นิ่มนวล ศักดิ์ศิริศิลป์ น.อ.หญิง ภณินท์ทิพย์ สาตราภัย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย 2 คน คือ น.อ.หญิง ดวงฤดี คีรีวัฒน์ เป็นเจ้ากรมการเงินทหาร พ.อ.หญิง กฤตยา ชมไพศาล เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองบัญชาการกองทัพไทย
กองทัพบก มี 9 คน คือ พ.อ.หญิง สมใจ ทรัพย์พ่วง เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก พ.อ.หญิง วีนัส โอประเสริฐสวัสดิ์ เป็นผู้ชำนาญกองทัพบก พ.อ.หญิงกรรณิกา ตาตะนันทน์ เป็น ผู้ชำนาญกองทัพบก พ.อ.หญิง อรภา อินทรสูต เป็นผู้ชำนาญการกองทัพบก พ.อ.หญิงอนุพร พรหมาศ เป็น ผู้ชำนาญการกองทัพบก พ.อ.หญิงอรุณวรรณ เผ่าจินดา น้องสาว พล.อ.อนุพงษ์ เป็นผู้ชำนาญกองทัพบก พ.อ.หญิง สุกัญญา ศุภวัชระ เป็นผู้ชำนาญกองทัพบก พ.อ.หญิงนินนา บุญยะประภัศร์ เป็นผู้ชำนาญกองทัพบก พ.อ.หญิงสุพัตรา รัตนสุวรรณ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก โดย พ.อ.หญิงสุพัตรา เป็นภรรยาของ พล.ท.ดาว์พงษ์ ที่ขยับขึ้นมาในตำแหน่ง เสธ.ทบ. ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ด้วย
ขณะที่กองทัพเรือมี 4 คน คือ น.อ.หญิง วัฒนี ไชยชนะ น.อ.หญิง ชุติมา เนียมโภคะ น.อ.หญิง ผ่องผิว วิมุกตานนท์ และน.อ.หญิง ศรีสุกัญญา ธีรศาสตร์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ กองทัพอากาศ 2 คน คือ น.อ.หญิง ปิยนาถ กมลโชติ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพอากาศ และ น.อ.หญิง นีรัช หน่ายมี เป็นผู้ชำนาญการกองทัพอากาศ
"พิรุณ"แขวนบก.สูงสุด-ตท.12 จ่อขึ้น
กองบัญชาการกองทัพไทย มีการขยับให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย (ตท.12) ขยับมาเป็นเสนาธิการทหาร เพื่อรอจ่อคิวเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนต่อไป ต่อจาก พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2554
นอกจากนี้ยังมีการโยก พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก (ตท.10) มาเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด และมี พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ มาเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ตท.11) เป็นประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย ขยับ พล.ท.ดุลกฤต รักษ์เผ่า รอง ผบ.นทพ. (ตท.10) เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พล.ท.เชาวฤทธิ์ ประภาจิตร จเรทหาร เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล และมีการปรับเปลี่ยนเจ้ากรมกิจการทหาร โยก พล.ท.นิพัทธ ทองเล็ก (ตท.14) เป็นที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ให้ พล.ท.วิศณุ ศรียะพันธ์ เป็นเจ้ากรมกิจการชายแดนทหารแทน
เด็ก"ประวิตร"ขึ้นปลัดกลาโหม
สำหรับในส่วนของกระทรวงกลาโหมมี พล.ต.นภนต์ สร้างสมวงษ์ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม เป็นหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ส่วนสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมมี พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ตท.8) ข้ามห้วยมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.อ.อภิสิทธิ์ จุลโมกข์ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม และพล.ร.อ.รพล คำคล้าย เสนาธิการทหารเรือ เป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ท.สกนธ์ สัจจานิตย์ เป็นเจ้ากรมเสมียนตรา และพล.ท.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เป็นเจ้ากรมพระธรรมนูญ