ข่าว

อุทธรณ์ยกฟ้อง"นพดล"คดีสังหาร"ห้างทอง"

อุทธรณ์ยกฟ้อง"นพดล"คดีสังหาร"ห้างทอง"

01 ก.ย. 2553

ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยืนยกฟ้อง “นพดล ธรรมวัฒนะ” ไม่ผิดฆ่าห้างทอง ชี้อัยการโจทก์มีภาระนำพยานพิสูจน์ความผิด ผลผ่าพิสูจน์ศพ 3 ครั้ง แต่ความเห็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรงข้ามกัน ฟังไม่ได้ว่าฆาตกรรม “เจ้าตัว” ขอบคุณศาลที่ให้ความปรานี ยันเชื่อมั่นในหลักฐานตั้งแต่ต้น วัน

ที่ห้องพิจารณาคดี 613 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 1 ก.ย.53 เวลา 09.45 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ 248/2547 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายนพดล ธรรมวัฒนะ อายุ 56 ปี นักธุรกิจชื่อดัง เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่า นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต สส.กทม.พรรคประชากรไทย พี่ชายตัวเอง โดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน

 โดยคดีนี้อัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2547 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 5-6 ก.ย. 2542 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด บังอาจร่วมกันใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ 1 นัด โดยเจตนาฆ่าให้ตาย กระสุนปืนถูกบริเวณศีรษะนายห้างทองทะลุกะโหลกเข้าไปทำลายอวัยวะส่วนสมองเป็นบาดแผลฉกรรจ์ เป็นเหตุให้นายห้างทองถึงแก่ความตาย เพราะพิษบาดแผลดังกล่าว สมดังเจตนาของจำเลยกับพวก รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพและรายการตรวจศพของเจ้า พนักงานและแพทย์ เหตุเกิดที่บ้านธรรมวัฒนะ เลขที่ 299/9 หมู่ 7 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.นอกจากนี้ ในวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจยึดอาวุธปืนที่ใช้ยิงในข้อ 1 และสิ่งของต่างๆ เป็นของกลาง กระทั่งวันที่ 31 ต.ค. 2546 เจ้าพนักงานตำรวจได้ควบคุมจำเลยมาแจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอด

 ขณะที่ศาลอาญา มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 50 โดยพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐาน แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษนายนพดล ตามความผิดด้วย

 ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันโดยละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่า ในทางนำสืบเกี่ยวกับการผ่าพิสูจน์ศพผู้ตายทั้ง 3 ครั้งโดยครั้งแรกดำเนินการโดยสถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 42 ซึ่งเป็นช่วงวันเกิดเหตุ เวลา 10.00 น. พบบาดแผลภายนอกที่ผิวหนังศีรษะ บาดแผลฟกช้ำต้นขาซ้าย ภายในพบบาดแผลมีรอยทะลุจากด้านขวาของสมองน้อย โดยสาเหตุการเสียชีวิต กระสุนปืนทำลายสมอง เชื่อว่า น่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย

 ส่วนการผ่าพิสูจน์ศพครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 46 โดยคณะของ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันทน์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และคณะแพทย์ รพ.รามาธิบดี พบบาดแผลภายนอกและภายใน โดยภายในพบกะโหลกขาดสมองแตกรุนแรง มีร่องรอยของกระสุนลูกปราย 20 เม็ด ใต้ฐานสมอง และมีเศษกระสุนเล็กน้อย กระดูกสันหลัง ต้นคอ ในหลอดลมพบเลือดที่เชื่อว่าผู้ตายน่าจะมีการสำลักเลือดก่อนเสียชีวิต และแนวทางการยิงไม่น่าจะยิงในแนวระดับ เชื่อว่า ไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตาย แต่เป็นการจัดฉากฆาตกรรม

 สำหรับการผ่าพิสูจน์ศพผู้ตายครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 49 โดยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากชมรมนิติเวชแห่งประเทศไทยตามที่นายนพดลร้องขอ ได้ให้ความเห็นว่า เป็นการยิงระยะประชิด พบการสำลักเลือดในปอด แต่ไม่พบสารหนู หรือสารกล่อมประสาทตกค้าง เชื่อว่า ขณะที่เสียชีวิต ผู้ตายไม่ตกอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่การตายโดยผู้อื่น แต่ร่องรอยของบาดแผลเข้าได้กับการกระทำด้วยตัวเอง

 พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในคดีอาญา โจทก์มีภาระที่จะต้องนำพยานหลักฐานพิสูจน์ความผิดของจำเลย แต่ผลการผ่าพิสูจน์ศพผู้ตายทั้ง 3 ครั้ง กับมีความเห็นตรงข้ามกัน พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่สามารถที่จะทำให้เชื่อว่าจำเลยกระทำผิด ส่วนในชั้นนำสืบที่โจทก์อ้างถึงปริมาณคราบเขม่าดินปืนที่คราบหลังมือผู้ตายมีจำนวนน้อย ทั้งที่ขณะเสียชีวิตผู้ตายกำปืนอยู่ ซึ่งในชั้นนำสืบก็มีอดีตอดีต ผบก.กองพิสูจน์หลักฐาน พยานจำเลย เบิกความกรณีดังกล่าวแล้ว แต่ไม่มีข้อพิรุธ ส่วนการขัดแย้งเกี่ยวกับการฟ้องร้องแบ่งทรัพย์มรดกในครอบครัว หรือการที่ผู้ตายกำลังจะแต่งงานใหม่ก็ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่า จำเลยเป็นผู้กระทำผิด ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน.

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ นายนพดล เดินทางมาศาลในชุดสูทสีเทาพร้อมด้วยทนายความ น.ส.ดลนภา ธรรมวัฒนะ หรือน้องดรีม บุตรสาว และ นางมัลลิการ์ หลีระพันธ์ น้องสาว และคนติดตามจำนวนหนึ่ง

 ภายหลังฟังคำพิพากษา นายนพดล มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่นางมัลลิการ์ น้องสาว และน.ส.ดลนภา บุตรสาวและผู้ติดตามต่างเข้ามาแสดงความยินดี

 โดยนายนพดล กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาลที่พิจารณาคดีโดยยึดพยานหลักฐานที่แท้จริง และท้ายที่สุดเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามีเพียงสถาบันศาลเท่านั้นที่เชื่อถือได้ ส่วนในขั้นพนักงานสอบสวนและนิติวิทยาศาสตร์นั้นล้มเหลวและทำร้ายประชาชน นอกจากนี้ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยกันเผยแพร่ความจริง เพราะกรณีนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจแค่ในเมืองไทย แต่เป็นข่าวไปทั่วทุกมุมโลกและกลายเป็นกรณีศึกษาด้านนิติวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วโลก

 “ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่าความจริง อย่างไรก็คือความจริง และในวันที่ 6 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของพี่ห้างทอง พวกเราจะทำบุญใหญ่ที่บ้านธรรมวัฒนะ และจะมีการเปิดใจแถลงข่าวร่วมกันของพี่น้องทุกฝ่ายว่าเบื้องหลังการเสียชีวิตของพี่ห้างทองข้อเท็จจริงคืออะไร 11 ปีที่ผ่านมาใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์” นายนพดล กล่าวทิ้งท้าย