ข่าว

นร.ช่างกลยิงรถเมล์สาย113เด็ก9ขวบดับ

นร.ช่างกลยิงรถเมล์สาย113เด็ก9ขวบดับ

02 ก.ย. 2553

เด็กช่างกลก่อเหตุยิงปืนใส่รถเมล์สาย 113 เด็กนักเรียน 9 ขวบ ถูกลูกหลงเสียชีวิตโรงพยาบาล อีกรายนักเรียนนักเลง ใช้ปืนปากกายิงคู่อริใส่รถสองแถวสายบางพลี-ปากน้ำ นักเรียนหญิงวัย 12 ปีนั่งรถไปเรียนรับเคราะห์ถูกกระสุนเจาะหัวไหล่บาดเจ็บ

วานนี้(1ก.ย.) ร.ต.อ.สมพงษ์ ลึกจะบก รอง สวป.สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุเด็กนักเรียนถูกยิงได้รับบาดเจ็บบนรถโดยสารประจำทาง สาย 113 งวิ่งระหว่าง มีนบุรี-หัวลำโพง ที่หน้าซอยรามคำแหง 164 แยกมิสทีน ถนนรามคำแหง แขวงเขตมีนบุรี กทม. โดยผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.เกษมราษฏร์รามคำแหง ไปก่อนแล้ว จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและรุดไปตรวจสอบ ทราบผุ้บาดเจ็บชื่อ ดช.จตุพร ผลผกา อายุ 9 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษา 3 / 2 รร.วัดบำเพ็ญเหนือ ถูกยิงด้วยปืนลูกซองสั้น แบบลูกปลาย กระสุนเจาะเข้าใบหน้า 4 แห่ง ลำคอ 4 แห่ง และไหล่ซ้ายอีก 1 แห่งอาการสาหัส โดยแพทย์พยายามช่วยชีวิตเต็มที่ แต่หนูน้อยผู้เคราะห์ร้ายทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 จากการตรวจสอบรถโดยสารประจำทางสายดังกล่าวทราบว่า เป็นรถโดยสารประจำทางร่วมบริการ ขสมก. ของบริษัทกรุงเทพขนส่ง จำกัด หมายเลขข้างรถ 113-25 ทะเบียน 10-2688 กทม.พบกองเลือดนองอยู่ที่บันไดทางขึ้น-ลง ประตูหลัง และพบที่บานประตูปิด-เปิด มีรอยถูกกระสุนปืน 3 แห่ง และยังพบหัวกระสุนปืนลูกซองตกอยุ่ที่พี้น 1 หัวจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 ผู้สื่อข่ารายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุนางอังศุ ขำวงศ์ อายุ 39 ปี  นายท่าปล่อยรถโดยสารสายดังกล่าว มารดาผุ้เสียชีวิต ได้เดินทางมาดูอาการของลูกชาย และภายหลังทราบว่าลูกชายเสียชีวิต นางอังศุ ถึงกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเศร้าโศรกเสียใจ และสร้างความรันทดให้ผู้พบเห็นอย่างมากพร้อมพากันสาปแช่งกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุอย่างเสียหาย โดยนางอังศุ กล่าวเพียงสั้นๆว่ามีลูกอยู่ 3 คน โดยปกติทุกเช้า ด.ช.จตุพร หรือ น้องเทียน ผุ้เคราะห์ร้ายจะมาขึ้นรถประจำทางพร้อมกับด.ช.ปฐมพร หรือน้องคง อายุ 11 ปี เพื่อไปเรียนที่ รร.วัดบำเพ็ญเหนือ โดยจะไปลงรถโดยสารที่ป้ายนรถเมล์ หน้าปากซอย รามคำแหง 164 ซึ่งวันนี้ลูกชายทั้งสองก็มาขึ้นรถโดยสารเป็นปกติ โดยไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายเช่นนี้กับลูกชาย ซึ่งรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก   

 ด้านน ส.นิตยา บูารายาว อาสยุ 31 ปี พนักงานเก็บค่าโดยสารรถประจำทางสายดังกล่าว เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุรับเด็กนักเรียนทั้ง 2 คนมาจากป้ายรถเมลฺ์ ฝั่งตรงข้ามห้างบิ๊กซี สาขามีนบุรี เพื่อมาลงรถที่ป้ายรถเมล์ หน้าวัดบำเพ็ญใต้ ถนนรามคำแหง โดยช่วงนั้นมีผู้โดยสารมากับรถจำนวนมาก จนกระทั้งจังหวะที่หนูน้อยผู้เคราะห์ร้ายได้กดออดเพื่อลงที่ป้ายรถเมล์ดังกล่าว ขณะรถชลอความเร็วเพื่อจอดที่ป้ายรถเมล์ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่งวิ่งกรูออกมาจากซอยรามคำแหง 164 ขึ้นมาบนรถและใช้ไม้-มีดขว้างใส่มาในรถ ซึ่งในภายในรถนอกจากมีผู้โดยสารแล้วยังมีกลุ่มนักเรียนช่างกลอุตสาหกรรมอีกกลุ่มหนึ่งนั่งโดยสารอยู่ที่เบาะท้ายรถ ระหว่างชุลมุน มีเสียงผุ้โดยสารตะโกนบอกคนขับให้รีบขับรถออกไปอย่าจอดที่ป้าย ขณะเดียวกันก็มีเสียงปืนดังขั้น 3 นัด โดยผู้โดยสารต่างพากันหมอบหลบกับพื้นรถ เมื่อพ้นจุดอันตราย ปรากฏว่าพบเด็กผู้ตายนอนคว่ำหน้าแน่นิ่งอยู่กับขั้นบันได ทางขึ้น-ลง ด้านหลังโดยมีเลือดไหลโชก โชเฟอร์จึงรีบขับรถพาหนูน้อยผู้เคราะห์ร้ายนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและเสียชีวิคตในเวลาต่อมา

 ส่วนนายปิยะ เดชจร อายุ 35 ปี โชเฟอร์รถโดยสารประจำทางคันเกิดเหตุ กล่าวว่า ระหว่างขับรถรับผุ้โดยสารออกจากอู่มีนบุรี เพื่อไปส่งวที่ปลายทางสถานีรถไฟหัวลำโพง ขณะมาที่เกิดเหตุและเตรียมจอดรถส่งผู้โดยสารปรากฏว่าได้มีกลุ่มวัยรุ่นนักเรียนช่างกลวิ่งกรูออกจากซอยใช้มีด-ไม้ ขว้างใส่ด้านหลังรถ และยังใช้อาวุธปืนยิงขึ้นมาอีก 3 นัด จนน้องคงถูกลูกหลงโดนกระสุนปืนเข้าเต็มใบหน้าและลำคอ จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดแต่น้องคงก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ซึ่งก็รุ้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

 "ปกติรถเมล์สายที่ผมขับมาจะไม่เคยเกิดปัญหาอย่างนี้เลย จะมีก็เป็นรถเมล์สายอื่นที่เกิดเหตุอยู่เป็นประจำ บางครั้งมีการยิงปืนใส่คนขับจนได้รับบาดเจ็บก็มี แต่สายที่ผมวิ่งไม่เคยเกิดเหตุมาก่อน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง เพราะพวกวัยรุ่นเหล่านี้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอย่างมาก คนไม่ไม่รุ้อิโน่อิเน่ด้วยก็ต้องมารับเคราะห์ หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่จะเป็นอย่างไร ถ้าลูกของตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ " นายปิยะกล่าว
 
 ส่วนด.ช.ปฐมพร  หรือน้องพงษ์ " อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป. 3/3 พี่ชายเหยื่อความคึกคะนองของนักเรียนนักเลง กล่าวว่า ตนกับน้องเทียนจะออกจากบ้านและมาขึ้นรถที่ตงข้ามบิ๊กซีทุกวัน และจะพากันมาลงรถตรงป้ายรถเมล์ที่เกิดเหตุ โดยก่อนเกิดเหตุร้ายกับน้อง เห็นกลุ่มคนร้ายโยนไม้ มีดใส่ในรถซึ่งตอนนั้นเห็นน้องชายยืนอยู่ด้านบนเพื่อเตรียมจะลงรถตามปกติ แต่ปรากฏว่ารถไม่จอด และได้ยินเสียงปืนดัง 3 นัด เมื่อหันไปน้องชายเห็นว่าถูกกระสุนปืนจนล้มทั้งยืนอยู่ที่บันไดรถเมล์ และมีเลือดไหลที่ใบหน้า รู้สึกตกใจมาก พยายามเข้าไปกอดน้องเพราะสงสารแต่ไม่สามารถเข้าไปหาได้เพราะมีผู้โดยสารคนอื่นขวางอยุ่เต็มรถ
 
 "เสียใจมากครับที่น้องที่น้องต้องมารับเคราะห์ถูกลูกหลงจนตาย " ด.ช.ปฐมพงษ์ กล่าวทั้งน้ำตา

 ด้านนาง.สุวรรณี น้ำผึ้ง อาจารย์ประจำชั้นของ"น้องคง"  กล่าวว่า ปกติเด็กทั้ง 2 จะนั่งรถเมล์มาเป็นประจำที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยคนพี่เรียนอยู่ชั้น ป.3/3 เป็นเด็กนิสัยเงียบเฉย ส่วน"น้องคง "จะเรียนอยู่ชั้รน ป.3 /2 คนละห้องเรียนกันและเป็นเด็กร่าเริงและเป็นครอบครัวมากจากต่างจังหวัด นิยสัยดี ไม่มีปัญหาอะไร รู้สึกเสียใจที่ลูกศิษย์เสียชีวตกับเหตุการณ์ครั้งนี้ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไร ซึ่งตนมีลูกก็กลัวเหมือนกัน คนเป็นพ่อแม่เมื่อมาเจอสภาพนี้ก็ย่อมจะรับไม่ได้ ที่ผ่านมา เวลาคุยกับเด็กในชั้นเรียนจะสอนให้ใช้ความระมัดระวังในระหว่างเดินทางมาเรียนและหลับบ้าน เพราะเป็นห่วง ส่วนการแก้ปัญหาควรจะใช้ความเข้มงวดกับเด็กกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มเหล่านี้ โดยระหว่างที่เห็นว่ามีการรวมกลุ่มควรจะตรวจสอบเพราะอาจรวมกลุ่มกันไปก่อปัญหาจึงอยากให้ทุกฝ่ายทั้งข้าราชการ กระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผุ้ปกครอง ได้ร่วมกันเร่วงแก้ไขปัญหาเหล่านี้

 พ.ต.อ.สมบูรณ์ พุทธพงษ์ รอง ผบก.น.3 กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าเด็กวัยรุ่นที่ก่อเหตุเป็นเด็กนักเรียนจากเทคโนบางกะปิ มาดักทำร้ายเด็กนักเรียนจากรร.ช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ ย่านหัวหมากที่โดยสารมากับรถสายดังกล่าว ซึ่งวันนี้เป็นวันสถาปนาของโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านฉลองกรุงและเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุคงต้องการประกาศศักดาของตัวเองจึงมาก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งกำชับให้เจ้าหน้าที่สายสืบและสายตรวจออกติดตารมจับกุมกลุ่มนักเรียนนักเลงผถุ้ก่อเหตุกลุ่มนี้มาดำเนินกดคีตามกฏหมายโดยเร็วต่อไป เพราะถือว่าเรื่องวนี้เป็นเรื่องที่เศร้าสลดที่หนูน้อยที่ไม่รู้เห็นด้วยเลยนต้องมาประเคราะห์กรรม

 "เรื่องแนวความคิดในการแก้ไขผมว่าทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งน่าจะมีการออกเป็นพระราชกำหนดเพื่อเอาจริงจังกับพวกที่ชอบก่อเหตุแบบนี้ เพราะสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านมาโดยตลอด " พ.ต.อ.สมบูรณ์ กล่าวในที่สุด

อีกรายเมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 1 กันยายน ร.ต.อ.สัญญา อุทุมพร ร้อยเวร สภ.เมือง สมุทรปราการ ได้รับแจ้งนักเรียนใช้ปืนยิงกันที่หน้าอู่รถเมล์ถนนพุทธรักษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ มีเด็กนักเรียนหญิงเคราะห์ร้ายถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บสาหัสพลเมืองดีช่วยส่งรักษาที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปากน้ำ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเดินทางตรวจสอบที่โรงพยาบาลบนเตียงคนไข้ภายในห้องฉุกเฉินได้พบแพทย์กำลังให้การรักษา ด.ญ.สุทธิตา ลือชา อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นมัธยม1/4 โรงเรียนนพคุณวิทยา ซึ่งมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณหัวไหลขวาด้านหนัง 1 นัดหัวกระสุนทะลุออกด้านหน้า

 ด.ญ.สุทธิตา กล่าวว่า มีบ้านพักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านนครทอง ก่อนเกิดเหตุได้นั่งรถสองแถวใหญ่สายบางพลี-ปากน้ำ เพื่อเดินทางมาโรงเรียนซึ่งอยู่ใกล้สามแยกการไฟฟ้าสมุทรปราการ แต่ระหว่างรถวิ่งตามถนนพุทธรักษาได้จอดรับนักเรียนเทคนิคสมุทรปราการ 5-6 คน ที่หน้าวัดแพรกษา แต่เหตุการณ์ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั้งรถวิ่งมาถึงหน้าอู่รถเมล์สาย 25 ได้พบเห็นนักเรียนชำนิเทคโนโลยีกลุ่มใหญ่ประมาณ 10 กว่าคนยืนจับกลุ่มกันอยู่ที่หน้าอู่รถเมล์ดังกล่าวแต่พอรถสองแถวที่ตนวิ่งผ่าน หนึ่งในกลุ่มนักเรียนชำนิได้ชักอาวุธปืนปากกาออกมายิ่งใส่รถสองแถวที่ตนนั่งมา 1 นัด

 ตนรู้สึกเจ็บแปลบหัวไหลขวาและกระจกหน้าต่างรถฝั่งตรงข้ามตนแตกกระจาย ตนก้มลงดูรู้ว่าถูกยิงและหัวกระสุนทะลุไปถูกกระจกหน้าต่างรถจนแตกกระจาย ผู้โดยสารที่นั่งมาบนรถต่างพากันส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ โชว์เฟอร์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเหยียบคันเร่งพาตนมาส่งที่โรงพยาบาลก่อนที่ย้อนกลับเอาผู้โดยสารคนอื่น ๆ ไปส่งที่ตลาดปากน้ำ

 หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สกัดจับกุมกลุ่มนักเรียนชำนิและนักเรียนเทคนิคสมุทรปราการได้กว่า 30 คนที่เตรียมยกพวกตีกันและสามารถตรวจยึดอาวุธมีดได้เกือบ 20 เล่ม เบื้องต้นได้ยึดอาวุธเอาไว้เป็นของกลางพร้อมประสานแจ้งอาจารย์ฝ่ายปกครองของแต่ละสถาบันมารับตัวนักเรียนกลับไปอบรมสั่งสอนต่อไป