เปิดโผนายพลตร."อัศวิน"ขึ้นที่ปรึกษาสบ10 | คมชัดลึก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 1 กันยายนนี้ เวลา 13.00 น. จะมีประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) โดยมีวาระสำคัญคือการแจ้งให้ ก.ตร.ทราบและพิจารณากรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในเพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2552 ที่แต่งตั้ง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) เนื่องจาก พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา(สบ 10) ฟ้องร้องขอความเป็นธรรมที่ถูกพิจารณาแต่งตั้งข้ามลำดับอาวุโส โดยเป็นเพียงที่ปรึกษา(สบ 10) ในตำแหน่งที่ไม่มีความจำเป็น แต่กลับแต่งตั้ง พล.ต.ท.วัชรพล ที่อาวุโสต่ำกว่าไปเป็น รองผบ.ตร.ตำแหน่งหลัก โดยมี ก.ตร.เป็นหนึ่งในผู้ถูกฟ้องคดี ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก.ตร.จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ รวมถึงแสดงความคิดเพื่อหาแนวทางในการเยียวยาแก่ พล.ต.อ.ชลอ อย่างไรก็ตาม คาดว่าอาจมีการพิจารณาถึงการจัดลำดับอาวุโสของผู้ดำรงตำแหน่งยศ พล.ต.อ. ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และที่ปรึกษา(สบ 10)ให้เหมาะสมด้วย

 นอกจากนี้ในการประชุมก.ตร.ครั้งนี้จะมีการพิจารณาวาระแต่งตั้งโยกย้ายระดับผู้บัญชาการ(ผบช.)จนถึงรองผบ.ตร.วาระประจำปี ทดแทนตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการ และโยกย้ายสับเปลี่ยนหลายตำแหน่ง โดยช่วงเช้าวันเดียวกันนั้นจะมีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก หรือบอร์ดกลั่นกรอง ทั้งนี้ตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ที่ว่างลง 6 ตำแหน่ง คือรอง ผบ.ตร. 4 ตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ 1 ตำแหน่ง และที่ปรึกษา(สบ 10)ด้านสืบสวนอีก 1 ตำแหน่งนั้น คาดว่าจะมีการเลื่อนตำแหน่งที่ปรึกษา(สบ 10) 4 คน คือ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เข้าสู่ตำแหน่งหลัก รอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติ โดยตำแหน่งหลักอีก 1 ตำแหน่งนั้น คาดว่าจะขยับ พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ขึ้นมา โดยตำแหน่งที่ปรึกษา(สบ 10) ที่จะว่างตามการเลื่อนรวม 5 ตำแหน่งนั้น คาดว่าจะแต่งตั้ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่มีความอาวุโสอันดับ 2-6 ขึ้นมา คือ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ พล.ต.ท.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล และพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง

 ขณะที่มีรายงานด้วยว่าสำหรับตำแหน่ง ผู้ช่วยผบ.ตร.นั้นจะมีการขยับขึ้นตามลำดับความอาวุโส โดยผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่อาวุโสลำดับที่ 1-11 จะขยับขึ้นทั้งหมด ประกอบด้วย พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ จตร.(สบ 8) พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผบช.ศชต.ซึ่งได้สิทธิรับเวลาทวีคูณจากการปฏิบัติราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้จาก ผบช.อาวุโสอันดับท้าย พุ่งมารั้งอันดับ 3 จ่อขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ ผบช.สกบ. พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.สตม. พล.ต.ท.อมรินทร์ อัครวงษ์ ผบช.รร.นรต. พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง จตช.(สบ 8) พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.ศ. พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ผบช.สง.ผบ.ตร. และสุดท้ายคือ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธ์คงชื่น ผบช.ภ.1 เป็นไปตามลำดับ
 
 นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายหมุนเวียนหลายตำแหน่ง อาทิ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ รองผบช.ก. ขยับขึ้น ผบช.ก. โดยโยก พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.สามีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก แกนนำพรรคประชาธิปัตย์กลับถิ่นเก่าไปเป็น ผบช.ภ.6 ขณะที่ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.นั้นอาจมีการสับเปลี่ยน ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้มีอำนาจโดยมีชื่อ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.มานั่งเป็นแม่ทัพนครบาลแทน แต่ทั้งนี้หากตำแหน่ง ผบช.น.ไม่เปลี่ยนก็อาจขยับ พล.ต.ท.จักรทิพย์ออกไปเป็น ผบช.ภ.1

 ทั้งนี้ คาดว่าจะแต่งตั้ง พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ที่ได้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่ ผบ.ทบ.สนับสนุนไปเป็นผบช.สตม. ส่วน พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รอง ผบช.ภ.8 ซึ่งได้รับสิทธินับเวลาทวีคูณจากการปฏิบัติราชการชายแดนใต้ ได้รับแรงสนับสนุนในพื้นที่เป็นขึ้นเป็น ผบช.ภ.8 โดย พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ ผบช.สง.ก.ตร. โยกออกไปเป็น ผบช.ภ.7 และขยับ พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ.7 มาคุมพื้นที่ภาคตะวันออกเป็น ผบช.ภ.2 โดย พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ภ.2 ช่วยราชการสำนักงาน ผบ.ตร.กลับถิ่นเก่าไปเป็น ผบช.ตชด.