ข่าว

พันท้ายนรสิงห์...

พันท้ายนรสิงห์...

28 ส.ค. 2553

พันท้ายนรสิงห์เป็นข้าราชการในแผ่นดินสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยาหรือที่รู้จักกันดีว่า พระเจ้าเสือเมื่อ 300 ปีเศษมาแล้ว

 ประวัติศาสตร์กล่าวว่า พระเจ้าเสือโปรดกีฬาหลายอย่าง เช่น ชกมวย คล้องช้าง ทรงเบ็ดตกปลา ถึงคราหนึ่งได้เสด็จทางชลมารคไปประพาสทรงเบ็ด ณ ปากน้ำเมืองสาครบุรี หรือว่า จ.สมุทรสาครในทุกวันนี้ โดยมีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้ายเรือพระที่นั่ง

 ขณะที่เรือพระที่นั่งถึง ต.โคกขาม ในคลองที่คดเคี้ยวสายหนึ่งซึ่งมีน้ำไหลเชี่ยวได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อโขนหัวเรือชนกระแทกเข้ากับกิ่งไม้ข้างคลองถึงกับแตกหักตกลงไปในน้ำ แล้วพันท้ายนรสิงห์ผู้เป็นนายท้ายเรือแสดงความรับผิดชอบขอให้พระเจ้าอยู่หัวประหารชีวิตตนเองเสีย

 ประวัติศาสตร์กล่าวว่า แม้ว่าพระเจ้าเสือจะทรงยกโทษให้ แต่พันท้ายนรสิงห์ก็ยังคงยืนยันอย่างหนักแน่นมั่นคงว่า ตามกฎมนเทียรบาลราชประเพณีที่มีมาแต่ก่อนนั้น พระเจ้าอยู่หัวจะต้องทรงลงโทษประหารชีวิตตนสถานเดียวเท่านั้น ไม่มีทางอื่นใดที่จะให้ทรงละเว้นได้

 ที่สุดพระเจ้าเสือก็จำต้องฝืนพระทัยให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ ณ ที่ปากคลองโคกขามอันเป็นสถานที่เกิดเหตุ พร้อมกับโปรดให้ตั้งศาลเพียงตาขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันทั้งหัวเรือพระที่นั่งและหัวพันท้ายนรสิงห์

 หลังจากเหตุการณ์นี้แล้ว พระเจ้าเสือโปรดให้ขุดคลองโคกขามที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “คลองเจ็ดคด เจ็ดเลี้ยว” นี้ ให้ตัดลัดตรงขึ้น แต่ยังไม่แล้วเสร็จพระเจ้าเสือเสด็จสวรรคตเสียก่อน ในรัชกาลต่อมาได้โปรดให้ขุดคลองต่อจนสำเร็จและตั้งชื่อว่าคลองมหาไชย อันปรากฏอยู่ทุกวันนี้

 ตามที่ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา (รัชกาลที่ 4) กล่าวว่า พระเจ้าเสือโปรดให้นำศพพันท้ายนรสิงห์มาพระราชทานเพลิง พร้อมกับพระราชทานสิ่งของและเงินทองเป็นอันมากแก่ผู้เป็นบุตรและภรรยาของพันท้ายนรสิงห์ด้วย

 และว่าเรื่องของพันท้ายนรสิงห์ก็คือศาลเทพารักษ์ ที่ ต.โคกขามอันยังมีปรากฏมาตราบเท่าทุกวันนี้เช่นกัน

 จะเห็นว่าเรื่องของพันท้ายนรสิงห์นั้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตำนานหรือว่าเรื่องเล่าขานที่แต่งขึ้นเพื่อเอามาเล่นหนังหรือแสดงละครให้สนุกกันเท่านั้น แต่เป็นเรื่องจริงที่ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ไทยเกือบทุกเล่มก็ว่าได้

 พันท้ายนรสิงห์คือแบบอย่างของบุคคลที่กตัญญูซื่อสัตย์และรู้รักษาหน้าที่ที่สละชีวิตตนเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และเป็นแบบอย่างของข้าราชการไทย ซึ่งหาได้ยากยิ่งแม้จนทุกวันนี้ เรื่องของพันท้ายนรสิงห์จึงไม่มีวันตาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงดังที่กล่าว หรือว่าเป็นละครที่ได้เสริมแต่งกันขึ้นในภายหลังก็ตาม

 ก็เพราะพันท้ายนรสิงห์คือ “นิติรัฐ” ตัวจริงอย่างที่ร่ำร้องหากัน

 ดังนั้นข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล หรือว่า “ท่านมุ้ย” กำลังทำละครเรื่องพันท้ายนรสิงห์นี้ออกเผยแพร่ จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะสอดคล้องต้องกันกับการปฏิรูปประเทศที่กำลังกระทำกันอยู่ในเวลานี้เป็นอย่างยิ่ง

 สังคมไทยเวลานี้ ต้องการบุคคลที่หายากแบบพันท้ายนรสิงห์ครับ ไม่ใช่คนแบบศรีธนญชัย ที่เก่งแต่ในทางปลิ้นปล้อน ซึ่งมีอยู่มากพอแล้ว