ข่าว

คุกตลอดชีวิตนศ.ปทุมวันไล่ยิงนศ.อุเทนดับ-บาดเจ็บ

คุกตลอดชีวิตนศ.ปทุมวันไล่ยิงนศ.อุเทนดับ-บาดเจ็บ

20 ส.ค. 2553

พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต “นศ.ปทุมวัน” ขี่มอเตอร์ไซด์ไล่ยิง “นศ.อุเทน” ตาย -บาดเจ็บ ขณะที่รับสารภาพศาลลดโทษเหลือจำคุก 27 ปี แม่เหยื่อ นศ.เสียชีวิตพ้อจำเลยไม่เคยขอโทษ

ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 วันที่ 20 ส.ค.53 เวลา 09.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดำ ด.730/2553 ที่ พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายณัฐวุฒิ วังมุก อายุ 19 ปี นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน

 โดยโจทก์ยื่นฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 52 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีร่วมกันใช้อาวุธปืนขนาด 11 ม.ม. และพกพาอาวุธปืน ที่ไม่มีทะเบียนจำนวน 2 กระบอก และกระสุนปืนหลายนัด โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์ ให้นายภาณุพงษ์ หรือบี้ จิ๋วทองคำ อายุ 21 ปีที่ยังหลบหนี ใช้ปืนยิง นายณัตถพันธุ์ หรืออู๋ ครองรอด อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถูกที่ราวนมขวา 1 นัด เสียชีวิตทันที ส่วนนายบัญฑิต เทพบัณฑิต , นายกัมปนาท อินสุด และนายวัศพล ทองใบ เพื่อนร่วมสถาบันของผู้ตายได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย แขวงและเขตปทุมวัน กทม. จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

 ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 80 , 371 พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ.2490 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกตลอดชีวิต ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง จำคุก 2 ปี และฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร จำคุก 2 ปี แต่ขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุ 19 ปี อีกทั้งให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ จำคุก 25 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี และฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ลงโทษ 1 ปี รวมจำคุกจำเลยไว้ทั้งสิ้น 27 ปี ริบของกลาง

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นางธมลวรรณ จำเริญทอง และนายศิริพงษ์ ครองรอด มารดาและบิดา ของนาย ณัตถพันธุ์ ผู้เสียชีวิต เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย

 ภายหลังนางธมลวรรณ เปิดเผยว่า ยอมรับในคำพิพากษาของศาล แต่คงทดแทนความสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวไปไม่ได้ ที่ผ่านมาได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆบ้าง แต่ฝ่ายจำเลยไม่เคยแม้แต่จะกล่าวคำขอโทษ ก่อนหน้าที่ลูกจะเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยเทคโนฯ ตนเคยห้ามปรามแล้ว เนื่องจากมีข่าวเรื่องทะเลาะวิวาทกับสถานบันใกล้เคียงกันบ่อย แต่ลูกตั้งใจจะเรียนที่นี่ พยายามทำงานส่งเสียตัวเองเรียน ก่อนเสียชีวิตก็บวชถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ จ.เพชรบูรณ์ แต่พอสึกมาได้ 2 วันก็ถูกยิงทั้งที่ลูกชายกับจำเลยก็ไม่เคยโกรธเคืองอะไรกันมาก่อนเลย