ข่าว

"บิ๊กคลองหลอด""สิงห์แดง"เข้าป้ายยกแผง

"บิ๊กคลองหลอด""สิงห์แดง"เข้าป้ายยกแผง

17 ส.ค. 2553

หลังจากปลัดกระทรวงมหาดไทย "มานิต วัฒนเสน" สิงห์ขาวคนแรกจากสะตอนอกฟักที่เติบโตใหญ่ในอาชีพรับราชการจากมือผู้ยิ่งใหญ่แห่งอีสานใต้ ได้นั่งเก้าอี้ "ปลัดกระทรวง" เตรียมโบกมือลาในเดือนกันยายน

 เข้าสู่ยุคเด็กสร้าง การที่ "ชวรัตน์ ชาญวีรกูล" รมว.มหาดไทย ฉวยโอกาสที่อุณหภูมิการเมืองกำลังร้อนหลายฝ่ายกำลังพุ่งเป้าสนใจไปกับการเสนอโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันของกระทรวงคมนาคม

 "ชวรัตน์" รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ฉวยจังหวะเป็นมวยชั้นเชิงชิงชง ครม.แต่งตั้งหัวขบวนข้าราชการประจำอย่าง "มงคล สุระสัจจะ" อธิบดีกรมการปกครอง เป็น "สิงห์ทองคนแรก" เด็กสระบุรีเลี้ยวขวาผ่านการขัดเกลาจาก "โรงเรียนเน" ในสังกัดพรรคภูมิใจไทยตัวจริงเข้าป้ายตามสั่งไปนั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาดไทยรับหน้าเสื่อเป็นบิ๊กคลองหลอดมีผล 1 ตุลาคมนี้

 เหล่าสิงห์คลองหลอดหลากสีที่เหลือไม่ว่าจะเป็น “สิงห์แดง” รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “สิงห์ดำ” รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “สิงห์เขียว” รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ “สิงห์น้ำเงิน”มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้แต่บ่นพึมพำ

 แม้จะเป็นแถว 2 ระดับซี 10 หรือนักบริหารระดับสูงที่นับตำแหน่งแล้วมี "รองปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ผู้ตรวจราชการกระทรวง" เบ็ดเสร็จมีเก้าอี้ของ "มงคล สุระสัจจะ" ที่ลุกไปนั่งเก้าอี้ใหญ่เบอร์หนึ่งสายข้าราชการประจำเบ็ดเสร็จ มี 22 ตำแหน่ง 

 หลังตั้ง “มงคล สุระสัจจะ” เก้าอี้เบอร์สองที่สำคัญในตำแหน่งอธิบดี 3 กรมที่ว่างลง “กรมการปกครอง-กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น-กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย”

 ขณะที่ "ชวรัตน์" โวกลับทันทีว่ามีรายชื่อโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการระดับซี 10 วางเอาไว้บนโต๊ะทำงานเรียบร้อยแล้ว ทำให้มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานา แต่เก้าอี้ที่น่าสนใจที่ต้องมีการสลับเปลี่ยนแปลงถือเป็นหัวใจหลักของกระทรวงมหาดไทย

 หากเริ่มจาก "อธิบดีกรมการปกครอง" แล้วคนใหม่ที่มาแทน “มงคล” ก็คงไม่พ้นรุ่นพี่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ “สิงห์แดง” ที่ใกล้ชิดเคยผ่านการนั่งทำงานในทีมประธานคณะทำงาน "รมว.มหาดไทย" กับ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เคาะกันไปเรียบร้อยเป็น “สุรชัย ขันอาสา” ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เหลืออายุราชการ 7 ปี เกษียณ 2560 ที่สลับให้ "ธานี สามารถกิจ" รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี "สิงห์แดง" รุ่นน้องได้เข้ามาเสียบนั่งคณะทำงานแทน และจะเกษียณราชการตามในปีถัดไป 2561 โดยเก้าอี้สำคัญที่ฝ่ายการเมืองไม่ยอมหยิบยกให้ใครไปครองง่ายๆ ถ้าไม่ใช่ศิษย์ก้นกุฏิ ถือเป็นกรมอู่ข้าวอู่น้ำอย่าง “กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น” ที่สิงห์แดง “ไพรัตน์ สกลพันธุ์” คนสิงห์บุรี ที่ต้องเกษียณราชการจับมือไปพร้อมกับ “มานิต วัฒนเสน” ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในเดือนกันยานี้

 ทางผู้ใหญ่ในภูมิใจไทยได้จัดวางนำเอามือไม้ใกล้ชิดที่ชำนาญการคุมกรมแสนล้านมีเม็ดเงินงบประมาณส่งผ่านองค์กรปกครองท้องถิ่น ที่มี “อบจ. เทศบาล อบต.” ทุกองค์กรล้วนมีผลต่อทิศทางการเมืองบิ๊กใหญ่ภูมิใจไทยนักปั้นมือหนึ่ง ได้จัดวางนำเอา “วิเชียร ชวลิต” อธิบดีกรมพัฒนาชุมชนจาก "ค่ายสิงห์แดง" เกษียณราชการในปี 2558 เข้ามาเสียบแทน เพื่อคุมเป็นมือเป็นไม้เอาไว้ดูแลงบประมาณที่จะใช้สู้ศึก

 ครั้น “วิเชียร ชวลิต” อธิบดีกรมพัฒนาชุมชนลุกพ้นไปนั่งเป็น "อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครอง" สิงห์แดงรุ่นน้องอีกรายที่เล่นบทสลับเก้าอี้แทนรุ่นพี่ตลอดเวลา ด้วยความเป็นคนบ้านเดียวกันบุรีรัมย์บ้านเกิด ชื่อของ “ระพี ผ่องบุพกิจ” ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ "สิงห์แดง" รุ่นน้อง “วิเชียร” ยังเป็นรุ่นพี่ของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” โดย "ระพี" จะเกษียณในปี 2563 เหลือเวลาอีก 10 ปี

 เรียกว่า "ระพี" อนาคตโอกาสก้าวหน้ายังไปอีกไกล ต้องมาเล่นบทรองเพื่อรุ่นพี่ชนิดที่ว่า พี่เป็นใหญ่ น้องต้องไปเสียบแทน แม้จะไม่อยากเข้าแต่เมื่อถูกมีคำสั่งมาตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาชุมชนจึงตกเป็นของ “ระพี” ไปในที่สุด

 เก่าไปใหม่มาอีกรายพลาดไม่ได้กับเก้าอี้ของ “อนุชา โมกขะเวส” อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย “สิงห์ดำ” รัฐศาสตร์ จุฬาฯ เกษียณว่างลง ต้องถือเป็นกรมที่ใกล้ชิดประชาชน เพราะต้องดูแลบรรเทาสารพัดภัยให้ชาวบ้าน เช่น อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย แม้เม็ดเงินงบประมาณจะน้อยกว่ากรมอู่ข้าวอู่น้ำ แต่การจัดสรรผันงบสามารถทำได้รวดเร็วทันใจเหมือนกับการใช้บัตรเอทีเอ็มเบิกกดเงิน คนสนิทอีกราย "ขวัญชัย วงศ์นิติกร" รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็น "สิงห์แดง" ที่มีความใกล้ชิดกับ “เนวิน ชิดชอบ” เข้าขั้นงานใหญ่ไว้ใจได้ต้อง "ขวัญชัย" เท่านั้น

 เมื่อรายชื่อของเหล่าบิ๊กมหาดไทยแย้มออกมาล้วนเป็น "สิงห์แดง" ที่ใกล้ชิดกับค่ายการเมืองพรรคภูมิใจไทยที่มี “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” รมว.มหาดไทย คอยทำหน้าที่ชง ครม.

 ขณะที่  "เนวิน-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" สองพี่น้องถูกมองว่าทำหน้าที่เหมือนเป็นรัฐมนตรีเงาสั่งการคอยผลักดันลำดับความอาวุโส ความรู้ความสามารถธรรมเนียมปฏิบัติในอดีตไม่ต้องพูดถึง

 แต่คงพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำที่เรียกกันมหาดไทยยุคนี้เป็นของ "พี่น้อง" ผู้กว้างขวางแห่งอีสานใต้ ที่เหลือในตำแหน่ง "รองปลัดกระทรวง-ผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ตรวจราชการกระทรวง" เมื่อเป็นเช่นนี้ เก้าอี้ที่เหลือคงไม่ต้องลุ้น

 แม้ว่า “รมว.มหาดไทย” จะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์นี้หรือครั้งต่อไปเก้าอี้ที่เหลือหากไม่มี “เหรียญหลวงพี่ห้อย” หรือตราประทับผ่านการรับรอง "จัดให้" คงไม่ต้องลุ้นรับประทานแห้วแน่นอน

วัฒนา ค้ำชู