ข่าว

เตือนรัฐอย่าประมาทพระวิหารจี้ตั้งกก.ดูแลเฉพาะ

เตือนรัฐอย่าประมาทพระวิหารจี้ตั้งกก.ดูแลเฉพาะ

15 ส.ค. 2553

"ปธ.เจบีซี"เตรียมชงรายงานผลประชุมเจบีซี 3 ฉบับผ่านสภา เชื่ออาร์บีซีเลื่อนกระทบบรรยากาศเจรจาไทย-กัมพูชา "จตุพร"เล็งดึงปัญหาเขาพระวิหารถกด้วย สุเทพพร้อมเจรจาเขมรทันทีที่อภิสิทธิ์สั่ง

 (15ส.ค.) นายวศิน ธีรเวชญาณ ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ในวันอังคารที่ 17 สิงหาคม ที่กระทรวงการต่างประเทศเตรียมรายงานผลการประชุมเจบีซีร่วม 3 ฉบับ โดยสาระสำคัญ ประกอบด้วยการจัดตั้งคณะทำงาน , การจัดทำภาพถ่ายทางอากาศ ว่า มีความหวังสภารับรองเอกสารทั้งหมด เพื่อให้การปักปันเขตแดนสามารถลงมือปฏิบัติ และเจรจาขั้นตอนต่อไปได้ ซึ่งเรื่องนี้เคยเสนอต่อสภาเพื่อพิจารณามาหลายครั้งแล้ว แต่สภาไม่ได้รับการรับรอง แต่ยืนยันไม่ท้อ โดยหากได้รับการรับรองเอกสารแล้ว ก็จะสามารถนัดวันประชุมกับฝ่ายกัมพูชาให้เร็วที่สุด

 ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสภารับรองเอกสารไม่ครบทุกฉบับจะทำอย่างไร นายวศิน กล่าวว่า คงจะนัดประชุมกับกัมพูชาเช่นเดิม เพื่อหารือเฉพาะประเด็นที่สภารับรอง ทั้งนี้มองว่าการที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (อาร์บีซี) ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในปลายเดือนนี้ ไม่กระทบการทำงานเจบีซีสารัตถะการเจรจา แต่ยอมรับอาจกระทบบรรยากาศการประชุมบ้าง

"จตุพร"เล็งดึงปัญหาเขาพระวิหารถกด้วย

 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) และ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้เตรียมถกเรื่องข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ซึ่งเรื่องนี้เป็นปมความขัดแย้ง และความผิดพลาดตั้งแต่ฝ่ายไทยไปตกลงกับกัมพูชา จัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเกณฑ์แดนทางบก ปี 2543 หากเรายึดถือเอ็มโอยู ปี 43 คงไม่เสียดินแดนแค่ 4.6 ตร.กม. แต่เราจะเสียดินแดนทับซ้อนตลอดชายแดนไทย - กัมพูชา และไทย - ลาว

  ทั้งนี้ ได้มีการยอมรับในที่ประชุมคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของ ส.ส. ว่า เจบีซี ไปเจรจาปักปันเขตแดนกับกัมพูชาได้ไปทำผิดพลาดมา โดยดันไปยอมรับแผนที่ที่ใช้ปักปันเขตแดน ตามที่ระบุในเอ็มโอยู ปี 43 ใครก็รู้ว่า หากมีการนำเรื่องขึ้นศาลโลกอีกครั้ง ฝ่ายไทยต้องแพ้แน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ การเจรจาเจบีซีทำเพื่อซื้อเวลา ยื้อให้ 2 ประเทศมีความเจริญเท่าเทียมกันถึงจะมีการปักปันเกิดขึ้น

สุเทพพร้อมเจรจาเขมรทันทีที่"อภิสิทธิ์"สั่ง

 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า พร้อมจะไปเจรจากับกัมพูชาทันที เมื่อได้รับคำสั่งตรงจากนายกรัฐมนตรี และขอให้ทุกฝ่ายไม่ควรกังวลกับข่าวความเคลื่อนไหวด้านชายแดน และคำสัมภาษณ์ของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะหากมีผลกระทบขึ้นกับไทย กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งแก้ไขทันที ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศพร้อมชี้แจงเนื้อหาสาระเพิ่มเติม
 
        นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เนื้อหาสำคัญคือ บันทึกการประชุมเจบีซีสมัยวิสามัญที่เมืองเสียมราฐ ปลายปี 2551 บันทึกการประชุมเจบีซีครั้งที่ 4 ที่กรุงเทพมหานคร และบันทึกการประชุมเจบีซีสมัยวิสามัญที่กรุงพนมเปญ เมื่อต้นปี 2552 ที่ไทยกับกัมพูชาเห็นตรงกันว่า จะใช้เทคโนโลยีดาวเทียม เพื่อสำรวจและจัดทำเป็นภาพถ่ายทางอากาศ แล้วนำไปอ้างอิงปักหลักเขตแดน
    
    นายชวนนท์ กล่าวถึงร่างข้อตกลงชั่วคราวว่า ไม่แนบท้ายรายงานต่อรัฐสภา เนื่องจากไทยกับกัมพูชายังไม่ได้ข้อสรุป คือการกำหนดชุดทหารติดตามสถานการณ์ชั่วคราว เพื่อดูแลบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และยังคงค้างไว้คือชื่อเรียกปราสาทระหว่างคำว่า พระวิหาร กับ เปรี๊ยะวิเฮียร์

กมม.จี้นายกฯสางปัญหาพื้นที่เขาพระวิหารต่อเนื่อง

 ที่พรรคการเมืองใหม่ นายสำราญ โฆษก กมม. กล่าวงถึงจุดยืนที่จะให้นายอภิสิทธิ์  และรัฐบาล เร่งแก้ปัญหาพื้นที่ของไทยบริเวณเขาพระวิหารโดยยกเลิก MOU ปี 2543 ที่ทำมีขึ้นระหว่างไทย - กัมพูชาเพื่อปลดพันธนาการการใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 200,000 การเขียนแผ่นที่กำหนดบริเวณขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหารของกัมพูชาที่ทำให้ประเทศเสียประโยชน์ในดินแดน ขณะนี้ชัดเจนว่าทั้งนายอภิสิทธิ์ นายก ฯ เอง และสมเด็จฮุนเซน ฯ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พยายามที่จะบอกว่า MOU เป็นประโยชน์ แต่พรรคการเมืองใหม่เห็นต่างว่าบันทึกข้อตกลงดังกล่าวทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์มากกว่า

 ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่ากัมพูชา กำลังเล่นแผนสูงด้วยการให้ข้อมูลที่บิดเบือนและพยายามดึงประเทศมหาอำนาจ ที่มีอิทธิพลในสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่มีผลประโยชน์ร่วม มาเป็นแนวร่วมกัมพูชา เพราะมีข่าวว่าบางประเทศได้ทำข้อตกลงกับกัมพูชาเกี่ยวกับการการลงทุนแสวงหาแหล่งพลังงานไว้แล้ว กัมพูชาจึงจะใช้ประเด็นนี้ต่อรองกับประเทศที่มีอำนาจในยูเอ็น และกับคณะมนตรีความมั่นคง โดยกัมพูชาอาจพยายามที่คิดจะทำสงครามย่อย เพื่อดึงให้ประเทศที่สาม และคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น ส่งกำลังเข้ามาควบคุมสถานการณ์ก็ได้ ดังนั้นหากนายกฯ และรัฐบาล จึงไม่ควรเพิกเฉยต่อปัญหานี้ โดยควรต้องเร่งแต่งตั้งคณะทำงานถาวร ทำงานร่วมองค์กรภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง จัดทำข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงชี้แจงให้ทุกฝ่ายรับทราบว่าที่ผ่านมากัมพูชาบิดเบือนข้อมูลเพียงใด ไม่ใช่ทำเป็นเหมือนไฟไหม้ฟาง ที่เวลานี้มีการร้องเรียนก็มาชี้แจง 

เตือนรัฐอย่าประมาทพระวิหารจี้ตั้งกก.ดูแลเฉพาะ

 นายสุรชัย ศิริไกร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงประเด็นข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ว่า ขณะนี้ทางกัมพูชาได้เดินเกมในหลายลักษณะ ที่ทำให้ไทยเสียภาพพจน์โดยเฉพาะการยื่นเรื่องต่อองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อต้องการให้ไทยถูกมองว่าเป็นประเทศใหญ่รังแกประเทศเล็กอย่างกัมพูชา ซึ่งไทยต้องใช้มาตรการเชิงรุก เร่งชี้แจงทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า กัมพูชาเป็นผู้ละเมิดบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชา (MOU) ปี2543 และต้องย้ำจุดยืนเดิมที่จะเดินหน้าเจรจาระดับทวิภาคี เพราะไม่เช่นนั้น อาจทำให้ต่างประเทศเชื่อตามที่กัมพูชากล่าวอ้างและมองว่าไทยเป็นคนผิดและอาจมีการตั้งข้อสังเกตได้ว่ารัฐบาลต้องการซื้อเวลา

 นายสุรชัย กล่าวว่า ขอให้นายอภิสิทธิ์ ระมัดระวังการให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และรัฐบาลควรตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวเป็นการเฉพาะ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ เพราะคณะกรรมการชุดเดิมที่ดูแลเรื่องนี้มีหลายคนตั้งข้อสังเกตเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

 นายสุรชัย กล่าวว่า การดำเนินการเรื่องปราสาทพระวิหารของกัมพูชา จะไม่ส่งผลกระทบหรือทำให้ไทยเสียเปรียบด้านอื่น ๆ และจะไม่ส่งผลถึงขั้นต้องรื้อคำพิพากษาของศาลโลก ปี 2505  หรือให้องค์กรที่ 3 เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ เพราะตามหลักการแล้ว องค์กรระหว่างประเทศ ต้องการให้คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายเจรจาระดับทวิภาคีกันก่อน แต่ถ้าไม่สำเร็จองค์กรระหว่างประเทศ หรือประเทศที่ 3 เช่น องค์กรระดับภูมิภาคอาเซียนหรือองค์การสหประชาชาติ อาจเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องตามที่กัมพูชาต้องการ