
เพื่อนร่วมรุ่น"นรต.28"แห่ยินดี"วิเชียร"
"อภิสิทธิ์" นั่งหัวโต๊ะถก "ก.ต.ช." 1 ชั่วโมงครึ่งมีมติเอกฉันท์ 8-0 เสียงเลือก "วิเชียร" คนขอนแก่นเป็นผบ.ตร.คนใหม่
(9ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.15 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เพื่อพิจารณาดำเนินการแต่งตั้ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ก่อนประชุมได้อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปถ่ายรูปก่อนเริ่มการประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมครั้งนี้ มีคณะกรรมการ ก.ต.ช. เข้าร่วมประชุมเพียง 10 คนประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี ประธานกรรม การก.ต.ช. ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) นางสุภา ปิยะจิตติ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย นายนพดล อินนา ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กร พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนบริหารจัดการ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผบ.ตร. และ พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผช.ผบ.ตร. ในฐานะเลขานุการก.ต.ช. โดยผู้ที่ขาดการประชุมคือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ซึ่งมีรายงานข่าวว่าติดราชการสำคัญ
ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะ คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช .) กล่าวก่อนเดินทางไปประชุมที่เนียบรัฐบาล ในเวลา 13.30 น.เพื่อสรรหาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ว่า ส่วนตัวเห็นว่า ผู้ที่ถูกเสนอชื่อมีจำนวน 9 คน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะถูกเลือก ซึ่งตนจะสนับสนุนใครนั้น ยังไม่สามารถบอกได้ต้องหารือในที่ประชุม ก.ต.ช.ก่อน
จนกระทั้งเวลา 15.00 น.การประชุมได้เสร็จสิ้นการประชุม โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น โดยภายหลังการประชุมยังไม่มีกรรมการ ก.ต.ช.คนใดให้สัมภาษณ์ว่ามติที่ประชุมเป็นอย่างไร ทั้งนี้มีรายงานว่า ที่ประชุม ก.ต ช.มีมติเลือก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผบ.ตร. 8 ต่อ 0 เสียง จากการโหวตของ ก.ต.ช.ทั้งหมด 11 คน โดยนายกฯ และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผบ.ตร. ไม่ได้โหวต ส่วนอีก 1 เสียงที่หายไปคือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ซึ่งมีรายงานข่าวว่าติดราชการสำคัญ ไม่ได้เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ก่อนเข้างานนายกฯ เป็นประธานและแสดงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "เชื่อมั่นประเทศไทย...ก้าวไกลของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย" ที่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอทเซ็นทรัลเวิล์ด กทม. ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯ ถึงผลเลือก ผบ.ตร. โดย นายกฯ กล่าวสั้น ๆ ว่า "เรียบร้อย ดี ๆ"
สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีคณะกรรมการก.ต.ช. เข้าร่วมประชุมเพียง 10 คนประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธานกรรมการก.ต.ช. ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)
นางสุภา ปิยะจิตติ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย นายนพดล อินนา ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กร พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนบริหารจัดการ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผบ.ตร. และ พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผช.ผบ.ตร. ในฐานะเลขานุการก.ต.ช. โดยผู้ที่ไม่เข้าร่วมประชุมคือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ซึ่งมีรายงานข่าวว่าติดราชการสำคัญ
พล.ต.ท.เอก อัศนานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการก.ต.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 0 เห็นชอบการพิจารณาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งผบ.ตร. ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ก.ต.ช.พิจารณา จากนายตำรวจยศพล.ต.อ. เพียงรายชื่อเดียว
โดยนายกฯในฐานะประธานก.ต.ช.และเป็นผู้เสนอรายชื่อไม่ได้ร่วมโหวตลงคะแนนเสียง ขณะที่นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรมไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยในครั้งนี้ เนื่องจากติดภารกิจ และหลังจากนี้นายกรัฐมนตรีจะนำรายชื่อผบ.ตร.คนใหม่ขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ดังนั้นจึงยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยรายชื่อได้
เพื่อนร่วมรุ่นนรต.28แห่ยินดี"วิเชียร"
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อรายงานบรรยากาศที่สำนักงานของ พล.ต.อ.วิเชียร หลังทราบผลการลงคะแนนให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ว่าเป็นไปด้วยความคึกคัก มีนายตำรวจจำนวนมากเดินทางเข้ามาแสดงความยินดี โดยเฉพาะเพื่อนร่วมรุ่น นรต.28 อาทิ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา สบ 10 พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 นอกจากนั้น ยังมี พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายตำรวจคนอื่นๆ
ผู้สื่อข่าวสอบถามความรู้สึก พล.ต.อ.วิเชียร ภายหลังได้รับเลือกจาก ก.ต.ช. ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ด้วยมติเอกฉันท์ 8-0 เสียง ว่าขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่มารอทำข่าว ตนยังไม่ทราบมติของ ก.ต.ช. จึงขออนุญาตที่จะไม่ให้สัมภาษณ์ในตอนนี้ ยังไม่ขอพูดดีกว่า เพราะต้องรอให้ขบวนการโปรดเกล้าฯ แล้วเสร็จเสียก่อน ตอนนี้ทราบข่าวว่าได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.จากสื่อเท่านั้น ทราบว่าตอนนี้ทุกคนมีความคาดหวังที่ตนได้รับเลือก แต่ยังพูดอะไรไม่ได้ในตอนนี้
เมื่อถามว่าจะเร่งทำงานด้านใดเป็นอย่างแรกเมื่อได้รับตำแหน่ง พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า เรื่องนี้ขอไว้คุยทีหลัง ตอนนี้ยังไม่อยากพูด ทั้งนี้ หลังให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.วิเชียร ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.ปทีป ที่สำนักงาน ซึ่งคาดว่าเพื่อขอบคุณที่ทำให้การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น และอาจพูดคุยเกี่ยวกับการรับงานในตำแหน่ง ผบ.ตร.ต่อ
"อภิสิทธิ์"อุบชื่อผบ.ตร.ทำเนียบฯทวิต“วิเชียร”เข้าวิน
เมื่อเวลา 17.00 น. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เนื่องจากมีขั้นตอนของการนำชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ขึ้นทูลเกล้าฯ ขณะนี้เรียนได้เพียงว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเสียงของ ก.ต.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลที่เสนอชื่อพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นผบ.ตร. นายอภิสิทธิ์ กลับไม่กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่ขอลงในรายละเอียด”
เมื่อถามว่าบุคคลที่ได้รับการพิจารณามีคุณสมบัติอย่างไรเป็นพิเศษ นายกฯ กล่าวว่า ก.ตช.เห็นตรงกันและคำนึงถึงความอาวุโส ประสบการณ์การทำงานและการมองไปข้างหน้าว่าจะสามารถนำองค์กรได้ ซึ่งทุกคนก็ไม่มีปัญหาอะไรเสียงเป็นเอกฉันท์ ส่วนที่อยากเห็นผบ.ตร.คนใหม่ทำหน้าที่อย่างไรนั้นนายกฯ กล่าวว่า องค์กรตำรวจในช่วงปีจากนี้ไปก็จะต้องมีความเข้มแข็งมากขึ้นมาก เราก็ต้องยอมรับว่าปัญหาความขัดแย้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นภาระหน้าที่เบื้อง ต้นก็จะตกอยู่ที่ตำรวจ และเมื่อเราพยายามอยากที่จะให้ใช้กฎหมายปกติกลไกตรงนี้ก็ต้องเป็นหลักให้ได้ ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุด ขณะเดียวกันนอกเหนือจากปัญหาเฉพาะหน้าแล้วปัญหาที่มันค้างคามานานก็เป็นเรื่องที่จะต้องมีการปฏิรูปและสะสาง
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาองค์กรตำรวจก็มีความขัดแย้งกันสูงคิดว่าผบ.ตร.คนใหม่จะสามารถเข้ามาลดความขัดแย้งได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราก็ดูและคำนึงถึงปัจจัยทั้งหมดก็คิดว่าจะต้องช่วยกันทำงาน อีกทั้งคิดว่า ผบ.ตร.คนใหม่จะสามารถประสานงานได้
เมื่อถามว่าสบายใจมากขึ้นหรือไม่หลังจากได้ตัวผบ.ตร.คนใหม่แล้ว นายอภิสิทธิ์ หัวเราะเบาๆแต่ไม่ยอมตอบคำถามดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานในขณะที่นายกรัฐมนตรีไม่ยอมเปิดเผยว่าใครได้เป็นผบ.ตร.คนใหม่เพราะเห็นว่าไม่สมควรที่จะบอกเพราะอยู่ในขั้นของการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ปรากฏว่าในช่วงเย็นวันเดียวกันทวิตเตอร์ของทำเนียบรัฐบาลเองที่ใช้ชื่อว่า “ @ThaiKhuFah ” ได้ทวิตข้อความว่า “มติที่ประชุมก.ต.ช.เป็นเอกฉันท์ เลือก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็น ผบ.ตร นายกฯอภิสิทธิ์ หวัง ผบ.ตร.นำองค์กรตำรวจให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ”
ประวัติพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
สำหรับ พล.ต.อ.วิเชียร ปัจจุบันอายุ 57 ปี เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2496 เป็นชาว อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จบการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 28 (นรต.28)พ่วงด้วยปริญญาโท จาก 3 สถาบัน คือ ปริญญาโท คณะพัฒนบริหารศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า), ปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโท ด้านกฎหมายเศรษฐกิจ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ยังผ่านหลักสูตร F.B.I. รุ่น 159, หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 388 และหลักสูตรบริหารงานตำรวจจากประเทศอังกฤษอีกด้วย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.วิเชียร ได้รับการติดยศ พล.ต.อ. ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ในตำแหน่งหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (นรป.) ซึ่งถือว่าครองยศ พล.ต.อ. ก่อนรอง ผบ.ตร. และผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าคนอื่นๆ ในขณะนี้ ต่อมาได้ถูกโยกมาดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง และรับผิดชอบงานด้านรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง (ศรส.ลต.ตร.) ตลอดจนงานดูแลความสงบในการชุมนุมทางการเมือง ซึ่ง พล.ต.อ.วิเชียร สามารถโชว์ผลงานคุมเกมวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2550 ได้เด็ดขาดจนได้รับการยกย่อง
กระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2552) พล.ต.อ.วิเชียร ได้ขยับเข้าสู่ตำแหน่งที่ปรึกษา สบ10 ดูแลการเลือกตั้ง และการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน ทั้งนี้ แม้จะดูงานด้านความมั่นคง และมีหลายครั้งที่ต้องควบคุมการชุมนุมทางการเมือง แต่ พล.ต.อ.วิเชียร ยังไม่มีประวัติเรื่องการวางตัวไม่เป็นกลาง หรือเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เรียกได้ว่าขึ้นชื่อในเรื่องความเป็นกลางคนหนึ่ง จึงมีโอกาสที่ได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร คนต่อไป
ด้านชีวิตครอบครัว พล.ต.อ.วิเชียร สมรสกับนางกิ่งดาว พจน์โพธิ์ศรี มีบุตรชาย 2 คน และ บุตรสาว 2 คน คือ น.ส.ชื่นสุข พจน์โพธิ์ศรี, ด.ญ.พัชรเพ็ญ พจน์โพธิ์ศรี, ด.ช.ธนชัย พจน์โพธิ์ศรี และ ด.ช.กมลพัฒน์ พจน์โพธิ์ศรี
ส่วนเส้นทางในชีวิตราชการของ พล.ต.อ.วิเชียร เจ้าตัวเคยบอกไว้ว่า "ไม่เคยคิดอยากเป็นตำรวจเลยแม้แต่น้อย" โดยในช่วงเด็กนั้น พล.ต.อ.วิเชียร มีเป้าหมายอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ เนื่องจากเป็นวิชาที่ถนัด อีกทั้งบิดาที่เคยเป็นครูมาก่อน คอยช่วยเสริมให้เก่งวิชาวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ ทำให้มีความมุ่งมั่น กระทั่งเข้าสอบชิงทุนนักเรียนแลกเปลี่ยนเอเอฟเอส (AFS) ไปเรียนฟรีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อันดับ 1
ทว่า พล.ต.อ.วิเชียร ต้องพลาดโอกาสนั้น เพราะบิดาไม่อยากให้ไป จึงปิดเรื่องนี้ไม่ให้เจ้าตัวล่วงรู้ ทำให้ทุนนักเรียนแลกเปลี่ยนเอเอฟเอส (AFS) ตกไปอยู่ในมือของนายชัยยงค์ สัจจิพานนท์ เพื่อนสนิทของ พล.ต.อ.วิเชียร ที่สอบติดอันดับ 2 ได้ไปเรียนแทน ซึ่งปัจจุบันนายชัยยงค์ เป็นเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ทั้งนี้ ต้องจับตาว่าหลังจาก พล.ต.อ.วิเชียร มานั่งเก้าอี้เจ้ากรมปทุมวันแล้ว จะจัดทัพโผรายชื่อแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในปีนี้อย่างไร ท่ามกลางปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่เชื่อได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต้องสรรหาคนของตัวเองมาคุมเก้าอี้สำคัญนี้ เพื่อมุ่งหวังชิงความได้เปรียบทางการเมืองในอนาคต หากมีการยุบสภา
ประสบการณ์การทำงานของ พล.ต.อ.วิเชียร เริ่มเข้ารับราชการครั้งแรกในตำแหน่ง รอง สว.ผ.5 กก.สส.น. แล้วเป็น รอง สว.ผ.ศึกษาอบรม กก.นผ.บก.อก.บช.น. รอง สว.ผ.1 กก.สส.น.พระนครใต้ ผู้ช่วยนายเวรอธิบดีกรมตำรวจ นายตำรวจราชสำนักประจำ ผู้กำกับการนายตำรวจราชสำนักประจำ รองผู้บังคับการนายตำรวจราชสำนักประจำ ผู้ช่วยหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ ผู้ช่วยหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (เทียบเท่ารองผู้บัญชาการ) รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (เทียบเท่าผู้บัญชาการ) รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (สบ 10) (เทียบเท่าผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (เทียบเท่ารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) ต่อมาในปี 2549 ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ปฏิบัติหน้าที่ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง) ที่ปรึกษา สบ 10 และรักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามลำดับ
แม้อายุราชการของ พล.ต.อ.วิเชียร จะเหลืออีกยาวนานถึง 3 ปี แต่การจะอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.จนครบอายุราชการหรือไม่นั้น ต้องดูผลการเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้าว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่ เพราะอาจจะส่งผลถึงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในขณะนั้นก็เป็นได้ เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่า พล.ต.อ.วิเชียร ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะแรงผลักดันของพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน