
อภิสิทธิ์ลั่นพร้อมยกเลิกเอ็มโอยู43
นายกรัฐมนตรีตอบคำถามพันธมิตรทุกข้อ ยันไทยไม่เสียดินแดนให้เขมรแน่นอน และพร้อมยกเลิกเอ็มโอยู 43 หากไทยเสียเปรียบ ซัดเขมรละเมิดเอ็มโอยู 43 สั่งบัวแก้ว-ทหารประท้วงผิดเงื่อนไขส่งคนเข้ามายึดพื้นที่
แม้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) จะออกประกาศห้ามมีการชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาลอย่างเด็ดขาด โดยนายกรัฐมนตรีสามารถกล่อมให้เครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติที่คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ย้ายการชุมนุมไปยังสนามกีฬาเวสน์ 2 ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ก็ตาม กลับมีแกนนำบางส่วนพาผู้ชุมนุมไปยังทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งกันเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติทยอยมารวมกันที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 08.00 น. โดยนายวีระ สมความคิด และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำ นำรถบรรทุกหกล้อของกองทัพธรรมที่ดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่เข้ามาจัดเตรียมพื้นที่ชุมนุมบริเวณถนนพิษณุโลก ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเจรจาขอให้เคลื่อนย้ายรถยนต์ออกจากถนนพิษณุโลก เพราะรัฐบาลประกาศให้พื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาลเป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด และจัดให้ใช้สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เป็นพื้นที่แสดงความเห็น แต่ผู้ชุมนุมยังคงยืนกรานที่จะชุมนุมต่อ
นายวีระ กล่าวว่า เครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติต้องการให้รัฐบาลผลักดันชาวกัมพูชาตลอดแนวชายแดนไทย และเรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยู 43 ส่วนการแยกการชุมนุมออกเป็น 2 เวที เพราะมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหันโดยไม่ผ่านมติเสียงส่วนใหญ่ หากเปลี่ยนแปลงสถานที่ ประชาชนอาจสับสน แต่ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ม็อบหน้าทำเนียบจี้ยกเลิกเอ็มโอยูปี 2543
"เราไม่ได้ชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบ้านเมือง โดยในเวทีปราศรัยจะไม่อนุญาตให้นักการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรค(การเมืองใหม่)ขึ้นพูด เนื้อหาการปราศรัยจะมุ่งเน้นการเรียกร้องอธิปไตยกลับคืนมา จะไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเมือง" นายวีระ กล่าวถึงท่าทีของ ศอฉ.ที่ขู่จับกุมหากมีการชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ส่วนการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ นายวีระกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะประกาศผลักดันชาวกัมพูชาและยกเลิกเอ็มโอยูภายในกำหนดกี่วัน หากประกาศชัด การชุมนุมก็จะยุติทันที
การชุมนุมดังกล่าวส่งผลให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในพื้นที่ อาทิ พล.ต.อุดมเดช สีตบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 1 พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เข้าหารือร่วมกันภายในทำเนียบเพื่อประเมินสถานการณ์
ขณะที่เวทีปราศรัย นายไชยวัฒน์ขึ้นชี้แจงเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ชุมนุมว่า การรวมตัวเพื่อชุมนุมปกป้องเขาพระวิหารไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินและประกาศห้ามของ ศอฉ. เพราะไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง แต่ขอให้ผู้ชุมนุมตัดสินใจว่าจะชุมนุมในสถานที่ใด ระหว่างหน้าทำเนียบหรือนอกเขตประกาศของ ศอฉ. เช่น หน้ากองทัพภาคที่ 1 หน้าสนามม้านางเลิ้ง บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หรือสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง
จนท.เจรจาเหลว แกนนำดื้อ ตร.เสริมกำลัง
จากนั้น พ.อ.อภิรักษ์เชิญนายไชยวัฒน์เข้าพูดคุยภายในทำเนียบรัฐบาล โดยนายไชยวัฒน์เปิดเผยว่า พ.อ.อภิรักษ์พยายามพูดคุยด้วยเหตุผล ขอให้ตนนำผู้ชุมนุมไปรวมตัวที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น แต่ตนยืนยันว่าต้องรับฟังความเห็นของผู้ชุมนุมก่อน เพราะไม่อยากหักประชาชนเหมือนเกมการเมืองของรัฐบาล
"ผมต้องขอขอบคุณนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่อำนวยความสะดวกให้ใช้สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น แต่มุมมองอีกด้าน การกระทำของนายกฯ เป็นการป่วนประชาชน ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะชุมนุมที่ไหน แต่หากผู้ชุมนุมมีมติให้ปักหลักใช้พื้นที่บนถนนพิษณุโลกก็จะกลับมาหารือกับฝ่ายเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ผ่อนปรนในเบื้องต้น โดยขอใช้พื้นที่บนถนนพิษณุโลกถึง 10.00 น.ไปก่อน" นายไชยวัฒน์ กล่าว
หลังจากการเจรจาล้มเหลว เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มกำลังชุดควบคุมฝูงชนเข้ามาใกล้ถนนลิขิต ด้านข้าง ร.ร.มัธยมวัดเบญจมบพิตร ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ เพราะไม่ต้องการให้ตำรวจเข้ามากระชับพื้นที่ จึงจัดผู้ชุมนุมไปยืนเป็นแนวกั้นประกบหน้าหลังกับเจ้าหน้าที่เพื่อกดดันให้ตำรวจสลายแนวกั้น แต่ตำรวจได้ส่งกำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) มาเสริม เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยเพิ่มเป็นระยะๆ
เจรจารอบ 2 ม็อบย้ายปักหลักกองทัพภาคที่ 1
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายวีระและนายไชยวัฒน์ สองแกนนำ เข้าเจรจากับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง จากนั้นนายวีระกลับขึ้นไปบนเวทีปราศรัยชี้แจงผลการเจรจาแก่ผู้ชุมนุมว่า นาทีนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาขัดแย้งกระทบกระทั่งกับตำรวจทหาร ไม่เช่นนั้นเอาแผ่นดินคืนไม่ได้ ดังนั้นจึงขอให้ผู้ชุมนุมขยับออกจากพื้นที่ต้องห้าม ย้ายไปรวมตัวที่บริเวณตรงข้ามกองทัพภาคที่ 1 เพื่อรอฟังคำตอบจากนายกฯ หากเจ้าหน้าที่ปล่อยให้เกิดเหตุร้ายต่อผู้ชุมนุม พวกเราจะย้ายไปหน้าทำเนียบอีกครั้ง
นายวีระประกาศให้ผู้ชุมนุมเตรียมพร้อมสำหรับการปักหลักชุมนุมยืดเยื้อด้วย หากนายกฯ ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนสำหรับข้อเรียกร้องภายใน 7 วัน ก็จะกลับมาหน้าทำเนียบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์ในวันนี้(7 ส.ค.)ว่า เมื่อเวลา 07.00 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางออกจากบ้านพักในซอยสุขุมวิท 31 ไปยังที่หยุดรถไฟสวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นประธานในพิธีการเปิดใช้เครื่องต้นแบบระบบเครื่องกั้นอย่างเป็นทางการ รวมทั้งทดลองนั่งรถไฟเที่ยวพิเศษจากสวนสนประดิพัทธ์มายังสถานีรถไฟหัวหิน ระหว่างอยู่บนรถไฟได้บันทึกเทปรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ โดยมีนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ร่วมอยู่ด้วย เมื่อลงรถไฟที่สถานีหัวหิน นายกฯ แถลงข่าว “ความร่วมมือโครงการพัฒนาเครื่องต้นแบบระบบเครื่องกั้นถนนอัตโนมัติ ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.)"
นายกฯ ติดตามข่าวสารทางไอโฟนเป็นระยะ
เป็นที่น่าสังเกตว่านายกฯ มีสีหน้าเคร่งเครียดและหยิบโทรศัพท์ไอโฟนขึ้นมาอ่านข่าว และบางครั้งก็รับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังได้รับรายงานว่ากลุ่มเครือข่ายภาคประชาชน หรือกลุ่มพันธมิตรส่วนหนึ่งไม่ยอมเดินทางไปรวมตัวกันที่อาคารกีฬาเวสน์ตามที่ตกลงกันไว้ จึงตัดหมายงานเดิมที่กำหนดไว้ทั้งการบันทึกเทปรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” และการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับ รมว.คมนาคม และผู้บริหารของ ร.ฟ.ท. หลังจากทดลองนั่งรถไฟเที่ยวพิเศษและแถลงข่าวเสร็จแล้วก็รีบเดินทางกลับกรุงเทพมหานครทันทีในเวลา 10.15 น.
ยิ้มระรื่นหลังรู้ข่าวม็อบย้ายไปหน้าภาค 1
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะมีกลุ่มเครือข่ายประชาชนกลุ่มหนึ่งไปปักหลักอยู่ที่บริเวณทำเนียบ นายอภิสิทธิ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “กำลังเช็กข่าวอยู่” และเมื่อถามย้ำอีกครั้งก็ได้รับคำตอบว่า "เดี๋ยวค่อยไปเจอกันที่กรุงเทพฯ" จากนั้นรีบขึ้นรถกลับทันที
ระหว่างทางขบวนรถนายกฯ ได้แวะที่ปั๊มปตท. จ.สมุทรสงคราม เป็นเวลา 10 นาที นายกฯ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยืนให้แม่ค้าหมูปิ้งถ่ายรูปคู่อย่างเป็นกันเองอย่างใจเย็น หลังจากมีข่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบย้ายไปชุมนุมที่หน้ากองทัพภาคที่ 1 แทน จากนั้นรถขบวนจึงมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ โดยเดินทางไปอาคารกีฬาเวสน์ 1 ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อพบผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตร เพื่อชี้แจงประเด็นเขาพระวิหารที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกันอยู่
จำลองติดตลก "แอร์เย็น-ดนตรี-กีฬา" พร้อม
ด้านความเคลื่อนไหวที่สนามกีฬาเวสน์ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง มีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมกับเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติเป็นระยะๆ รวมประมาณ 3,000 คน พร้อมธงชาติและมือตบ บนเวที พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวว่า เป็นเพราะการชุมนุมของประชาชนทำให้นายกฯ มีท่าทีที่แข็งกร้าวต่อยูเนสโก กล้าประกาศว่าหากยูเนสโกรับแผนการบริหารจัดการของกัมพูชาจะให้ตัวแทนรัฐบาลวอล์กเอาท์และแถลงคัดค้าน วันนี้เราต้องให้กำลังใจนายกฯ ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ส่วนที่ต้องมากีฬาเวสน์ 2 เนื่องจากตัวแทนเราได้พูดคุยกับนายกฯ และนายกฯ ก็ยอมรับทุกอย่าง พร้อมตอบคำถามของประชาชนในข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ ถือเป็นเรื่องดี ขนาดยังไม่ชุมนุมนายกฯ ยังพร้อมมาคุยกับเรา
"การชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่พี่น้องประชาชนทุกคนว่าเมื่อฟังคำตอบของนายกฯ จะพอใจหรือไม่ และขอเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลเดินทางชุมนุมรวมกันที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 และมีบางส่วนกำลังเดินทางมา เพราะการชุมนุมที่นี่ถือเป็นการยกระดับการชุมนุมโดยแท้จริง เนื่องจากเป็นการชุมนุมในห้องแอร์ ไม่ร้อน ไม่เพียงเท่านั้นในบริเวณศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง จะมีคอนเสิร์ตให้ได้ชมกันด้วย รวมทั้งการแข่งขันฟุตบอลในช่วงเย็นอีกด้วย" พล.ต.จำลอง กล่าวทิ้งท้ายเรียกเสียงเฮจากผู้ชุมนุมได้อย่างมาก
ส่วนบรรยากาศโดยรอบสนามกีฬาฯ มีตำรวจ 4 กองร้อย ประกอบไปด้วย ตำรวจชาย 3 กองร้อย หญิง 1 กองร้อย รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด นำสุนัขตำรวจมาตรวจสอบระเบิดอย่างละเอียด ทั้งนี้ผู้ชุมนุมส่วนมากเป็นกลุ่มสันติอโศก มีการนำป้ายประท้วงมาติดรอบอัฒจันทร์ ประชาชนส่วนมากใส่เสื้อเขียนข้อความว่า "เราไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว"
มาร์คปิดห้องถกแกนนำ พธม.ก่อนขึ้นเวที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากขบวนรถนายกฯ เดินทางมาถึงอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์กีฬาเยาวชนกรุงเทพฯ ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงแล้ว นายอภิสิทธิ์ได้เข้าไปยังห้องรับรองโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพ พร้อมทั้งหารือส่วนตัวกับแกนนำ อาทิ พล.ต.จำลอง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และเรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจก่อนตอบข้อซักถามของพี่น้องที่มาร่วมชุมนุม โดยทีมรักษาความปลอดภัยนายกฯ ขอร้องให้เครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติที่นั่งอยู่บนพื้น ให้ขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ทั้งหมด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการเสนอความคิดเห็น
จากนั้นในเวลา 13.45 น. นายอภิสิทธิ์ขึ้นเวที พร้อมคณะติดตาม เพื่อตอบข้อซักถามของเครือข่ายฯ ทั้งนี้ตัวแทนชาวบ้านจาก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้สอบถามนายกฯ ถึงการเซ็นเอ็มโอยูสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี หากยกเลิกจะติดขัดหรือไม่ และรัฐบาลขณะนี้จะทำอะไรได้บ้าง รวมทั้งมีเรื่องไหนที่จะให้ประชาชนช่วยได้บ้าง
ย้ำผลประโยชน์ชาติล้วนๆ ไม่มีนัยแอบแฝง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะตอบข้อซักถาม ขอทักทายพี่น้องซึ่งตนติดตามการเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ห่วงใยและแสดงออกเคลื่อนไหวต่อการรักษาอธิปไตยของไทย ก่อนหน้านี้คุยกับแกนนำที่ร่วมเคลื่อนไหวหลายครั้ง ทั้งนายปานเทพ เรือตรีแซมดิน ที่ได้หารือกันเมื่อวานนี้(6 ส.ค.) อยากให้พี่น้องประชาชนทราบว่าเราไม่ได้คิดต่างกัน รวมทั้งไม่ได้มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝงนอกจากผลประโยชน์ของชาติ และขอยืนยันว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเอาแผ่นดินไทยไปแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์อื่น
"ถ้าผมทำเช่นนั้น ไม่เพียงไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ควรที่จะอยู่แผ่นดินนี้ด้วยซ้ำ และขอยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วันที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านที่อภิปรายในสภาไว้อย่างไร จุดยืนวันนี้ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี ยังเหมือนเดิมทุกประการ เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่อยากจะขอร้องประชาชนทุกกลุ่ม สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องสามัคคี เป็นเอกภาพร่วมกันตามเป้าหมายของเรา" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
พร้อมเลิกเอ็มโอยู 43 หากไทยเสียเปรียบ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ยืนยันมาตลอดว่าจุดยืนของไทยเหมือนเดิม ซึ่งรัฐบาลไทยก็ดำเนินการเช่นนั้นมาตลอด แม้กัมพูชาจะพยายามใช้แผนที่ 1:200,000 ไปอ้างสิทธิ์ต่างๆ ซึ่งตนก็คัดค้านมาตลอด โดยรัฐบาลแจ้งกลับไปทางกัมพูชาแล้วว่า แผนที่ดังกล่าวเป็นโมฆะ ล่าสุดกัมพูชาพยายามอีกครั้งในการเอาแผนที่แนบท้ายยื่นขอเป็นมรดกโลก จนมีมติเลื่อนการพิจารณาออกไปเป็นปีหน้า ทำให้ขณะนี้กัมพูชาไม่อาจใช้แผนที่ดังกล่าวได้
"การมีเอ็มโอยูนั้นส่งผลให้กัมพูชานำแผนที่มาอ้างไม่ได้ ดังนั้นเราไม่ได้เห็นต่างกัน เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน เรามีเจตนาเหมือนกันในการรักษาแผ่นดินไทย หากทางไหนที่คิดว่าดีกว่า ผมก็พร้อมยินดีทำ ถ้าเห็นว่ายกเลิกเอ็มโอยูดีกว่าผมก็พร้อมจะเลิก แต่ถ้าคุยกันแล้วไม่ยกเลิกดีกว่าก็ต้องว่ากันไปตามนั้น ขอยืนยันว่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก เราจะใช้สันปันน้ำมาต่อสู้เรื่องนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าวหนักแน่นท่ามกลางเสียงปรบมือโห่ร้องด้วยความชอบใจจากผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ
สั่งบัวแก้ว-ทหารประท้วงเขมรผิดเงื่อนไข
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของรัฐบาล หลังจากจบรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ จะจัดรายการพิเศษ ตั้งแต่เวลา 10.00-13.00 น. โดยจะเชิญผู้แทนเครือข่ายไม่เกิน 5 คน มาร่วมพูดคุยกัน ต่อจากพรุ่งนี้ การทำงานของรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน
จากนั้นตัวแทนเครือข่ายลุกขึ้นถามถึงกรณีมีชาวกัมพูชามาตั้งรกรากอยู่ในแผ่นดินไทย รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นมา 5-6 ปีแล้ว ต้องยอมรับว่ามีการละเมิดข้อตกลงเอ็มโอยูแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำต่อไปคือ มีมาตรการทางการทูตและการทหารควบคู่กันไป โดยในส่วนการทูตจะใช้เวทีระดับประเทศชี้แจงสถานการณ์ความเป็นจริงเรื่องนี้ เราจะต้องทำความเข้าใจเพื่อสร้างความได้เปรียบ ซึ่งประเด็นนี้ตนได้บอก รมว.ต่างประเทศไปว่าให้มีการประสานงานกับกระทรวงกลาโหมและกองทัพ
"ผมขอยืนยันว่าจะประท้วงรักษาสิทธิและเดินหน้าเพื่อให้มีการเคารพข้อตกลงดังกล่าว ผมจะพูดคุยปรึกษาให้การประสานงานเรื่องนี้สอดคล้องกัน เราจะไม่ยอมรับการกระทำที่เป็นการละเมิดข้อตกลงนี้" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ย้ำรักษาอธิปไตยคู่ไปกับสัมพันธ์เพื่อนบ้าน
เมื่อถามย้ำถึงการใช้วิธีการทางการทูตนั้น ไทยดำเนินการไปหลายครั้ง แต่ทางกัมพูชากลับเพิกเฉย ถึงเวลาหรือยังที่เราจะใช้วิธีที่จะรักษาศักดิ์ศรีที่เพื่อนไม่รักษาน้ำใจเรา นายกฯ ชี้แจงว่า เรื่องนี้ยืนยันว่าไม่มีการปล่อยปละละเลย แต่จังหวะเวลาวิธีการเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพ ยืนยันว่ากองทัพให้ความร่วมมือเรื่องนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คำว่าเพื่อนบ้านยังไงก็เป็นเพื่อนบ้าน ในอนาคตต่อไปก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ คนที่ปฏิบัติก็ต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในการที่จะรักษาอธิปไตยไทยและรักษาสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน และในฐานะเพื่อนบ้านเราก็ไม่ต้องการให้มีการรบกัน เพื่อไม่ให้ประเทศที่สามเข้ามาแทรกแซง
"ถามว่าอยากทวงเขาพระวิหารคืนไหม ผมก็อยากไม่ต่างกับท่านทั้งหลาย แต่ต้องเข้าใจว่าศาลโลกได้ตัดสินเรื่องนี้ไปเมื่อปี 2505 ซึ่งเราก็สงวนสิทธิ์ในการที่จะต่อสู้ในการทวงคืน แต่เราก็ต้องมาช่วยกันในการหาหลักฐานเพื่อมาโต้แย้ง ที่ผ่านมาเราได้ส่งนักวิชาการลงไปทำงานเพื่อหาข้อมูลในการต่อสู้ นอกจากนี้ที่เราทำได้อีกอย่างคือการรุกคืบเข้าไป โดยใช้เทคโนโลยีเข้าไปดูว่าแนวสันปันน้ำอยู่ตรงไหน ซึ่งเราก็กำลังดำเนินการอยู่" นายกฯ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายกฯ ระบุว่า ประเทศกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้าน และอนาคตก็ยังเป็นเพื่อนบ้านเช่นเดิม ส่งผลให้กลุ่มเครือข่ายร้องตะโกนโห่ไล่ว่า เราไม่มีเพื่อนบ้านแบบนี้ “เราไม่เอา เราไม่เอา” นอกจากนี้ ยังมีการตะโกนเรียกร้องให้เลิกเอ็มโอยู 43 อย่างต่อเนื่อง
มหาพอใจจี้จัดการเขมรรุกพื้นที่ทับซ้อน
ด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ผู้ชุมนุมคงได้ยินสิ่งที่นายกฯ ชี้แจงไปแล้ว บางอย่างอาจถูกใจ บางอย่างอาจไม่ถูกใจ ซึ่งถือว่าเป็นตามวัตถุประสงค์ของเราที่อยากมาทวงถามความคืบหน้า และถือเป็นความสำเร็จในการติดตามข้อเสนอแนะ 4 ข้อที่ได้เสนอไปตั้งแต่วันที่ไปชุมนุมหน้ายูเนสโก ถ้าวันนั้นเราไม่ได้ไปคัดค้านที่หน้ายูเนสโก วันนี้เราอาจต้องเสียดินแดนในพื้นที่ทับซ้อนไปแล้ว หลังจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลต้องทำคือการผลักดันคนเขมรที่รุกเข้ามาในพื้นที่ออกไปจากพื้นที่ของประเทศไทย ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็เป็นเรื่องของรัฐที่ต้องจัดการ ไม่ควรปล่อยให้เขาเอาชาวบ้านเข้ามาอยู่ในพื้นที่นานเกินไป
"เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องร่วมกันปกป้องอธิปไตยไทย หากรัฐเฉย ประชาชนเฉย เราต้องเสียดินแดนอย่างแน่นอน เมื่อวานนี้(6 ส.ค.)ทางเครือข่ายได้เสนอแนวทางให้รัฐบาล และวันนี้นายกฯ ก็ได้ออกมาตอบคำถามของประชาชนบนเวที ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในครั้งไหนมาก่อน และในวันพรุ่งนี้(8 ส.ค.)จะมีการถ่ายทอดสดให้คนไทยทั้งประเทศได้ดู ตัวแทนทั้ง 2 ฝ่ายจะได้คุยและซักถามในเรื่องสำคัญนี้ พี่น้องก็ต้องมาช่วยกันคิดว่านำเสนอประเด็นไหนบ้าง" พล.ต.จำลองกล่าว
"บิ๊กแป๊ะ"อัดพวกหาผลประโยชน์ถือว่าเลว
พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า เราจะเอาคำตอบตรงนี้ไปแจ้งต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องที่จะมีการออกทีวีในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ เราโชคดีที่มีนายกฯ แฟร์ กล้าเผชิญกับความขัดแย้งด้วยตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องค้างแรมที่นี่ ขอเตือนบางกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ อย่าเอาเรื่องเล็กมากลบการใหญ่ อย่าให้ต่างชาติมองว่าพวกเราตีกันเรื่องการชุมนุม หลังจากการชุมนุมใครที่หยิบเรื่องนี้เอามาแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ถือว่าเลว
ส่วนนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตัวแทนของรัฐบาลที่จะมาร่วมหารือนั้นนายกฯ จะเป็นผู้คัดเลือก ส่วนจะได้ข้อยุติหรือไม่นั้นก็ยังไม่ทราบ แต่นายกฯ ก็พยายามที่จะให้จบและมีความเห็นว่าเป้าหมายตรงกัน แต่วิธีการไม่เหมือนกัน จะทำอย่างไรที่จะเดินทางไปถึงจุดนั้นด้วยวิธีการเดียวกัน จึงต้องพยายามปรับความเข้าใจกัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
"ปัญหาพระวิหารที่เกิดขึ้นมีหลายเรื่อง การเจรจาการทูตบางเรื่องก็จบได้ง่าย และบางเรื่องทั้งสองฝ่ายก็จะคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศตัวเอง การเจรจาจึงต้องใช้เวลาบ้างก็เท่านั้นเอง ที่ผ่านมาทางกัมพูชาก็มีการใช้วิธีทางการทหาร ซึ่งไม่ใช่วิธีการรบเพียงอย่างเดียว และเวลานี้นายกฯ ได้กล่าวชัดแล้วว่าให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามหาทางพูดคุยเจรจา ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำ" เลขานุการรมว.ต่างประเทศ กล่าวตอบข้อถามที่ว่าการใช้วิธีการทูตและการทหารจะเป็นการท้าทายกัมพูชาหรือไม่
ไชยวัฒน์ปลุกม็อบปักหลักต่อรอฟังดีเบต
ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ที่หน้ากองทัพภาคที่ 1 ภายหลังนายกรัฐมนตรียืนยันไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 นายไชยวัฒน์ขึ้นประกาศบนเวทีปราศรัยว่า นายกฯ ต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าประโยชน์ของเอ็มโอยูที่อ้างว่าได้มากกว่าเสียนั้นเป็นอย่างไร พร้อมเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมปักหลักต่อไปจนกว่าข้อเสนอของกลุ่มจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล โดยขั้นต้นจะรอฟังการดีเบตระหว่างนายกฯ กับกลุ่มพธม.ในวันที่ 8 สิงหาคมก่อน
นายวีระชี้แจงว่า กำลังประสานงานกับแกนนำที่อยู่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ว่าการพูดคุยในวันที่ 8 สิงหาคม ต้องย้ำจุดยืน 4 ข้อที่เคยประกาศไว้ ทั้งการยกเลิกบันทึกช่วยจำหรือเอ็มโอยูปี 43 รวมถึงข้อตกลงที่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบทุกฉบับ และการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ รวมทั้งการยึดหลักสันปันน้ำในการปักปันเขตแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ผู้ชุมนุมกระจายตัวหลบฝนเข้ามาอยู่ในเต็นท์ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้สำหรับจัดงานวันที่ 12 สิงหาคม และเมื่อฝนหยุดตกประชาชนบางส่วนได้กลับเข้าร่วมชุมนุมตามเดิม ส่วนบรรยากาศการชุมนุมเป็นการเล่นดนตรีสลับการปราศรัย โดยแกนนำต่างจังหวัดที่ขึ้นปราศรัยบางรายยอมรับว่า คนในครอบครัวแยกไปร่วมชุมนุมอยู่ที่อาคารกีฬาเวสน์ ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่ารถเสบียงและรถบรรทุกหกล้อที่ดัดแปลงเป็นเวทีชั่วคราวล้วนเป็นรถของกองทัพธรรม รวมถึงผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกชุมชนสันติอโศก และมีการนำเสนอข่าวสารการชุมนุมที่เวทีหน้ากองทัพภาคที่ 1 ผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอฟเอ็มทีวี ของสันติอโศก และสถานีวิทยุโทรทัศน์เสียงประชาชน ช่อง 13 สยามไท
พท.จี้"มาร์ค-สุเทพ"จัดการม็อบฝ่าฝืนพรก.
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้านนั้น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า การชุมนุมของกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างชัดเจน พรรคได้ตั้งวอร์รูมติดตามการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลอย่างเข้มข้นตลอดทั้งวัน หากรัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ ต่อผู้ชุมนุม พรรคจะดำเนินการตามกฎหมายกับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศอฉ. ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า พรรคยังทราบกระแสข่าวว่ามีผู้บริหารบางคนในพรรคการเมืองใหม่เริ่มรำคาญใจกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีการล้มข้อตกลงเรื่องการเมืองกันมาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงสมัคร ส.ก. ส.ข. ที่มีการทับซ้อนกันและต่างฝ่ายไม่ยอมหลีกทาง จะเห็นได้ว่ามีการใช้สรรพกำลังทุกอย่างที่มีเปิดฉากถล่มรัฐบาลอย่างหนัก
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เท่าที่ดูการเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์ พล.ต.จำลอง และนายวีระ คล้ายกับว่ามีการเตี๊ยมกันมาก่อน ทั้งที่ทางเขมรออกมาเย้ยหยันว่าเรื่องมันจบไปตั้งนานแล้ว อยากถามว่าไม่อายกันบ้างหรือที่ออกมาเล่นละครตบตาประชาชน แถมยังสั่งให้ศอฉ.เล่นปาหี่ ประกาศโน่นประกาศนี่ ไม่ให้เคลื่อนไหว ความจริงน่าจะประกาศปฏิวัติให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า
ปธ.วุฒิฯแนะรัฐแจงเอ็มโอยูให้เข้าใจตรงกัน
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ห้ามมีการชุมนุมเกิน 5 คน เมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้นรัฐบาลจะเพิกเฉยไม่ได้ จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย หากไม่ดำเนินการก็จะถูกมองว่าสองมาตรฐานหรือเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้การชุมนุมของเครือข่ายพธม.เป็นเพราะความเป็นห่วงและกังวลกรณีไทยอาจเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะที่ผ่านมารัฐบาลยังอธิบายหรือทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบไม่ชัดเจน จึงควรเร่งรีบดำเนินการให้เกิดความกระจ่างมากกว่าที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปอีก
"ผมเข้าใจว่าการทำเอ็มโอยูเป็นเพียงการทำข้อตกลงเท่านั้น ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป ไม่ใช่การทำให้สูญเสียดินแดน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องยกเลิกเอ็มโอยู แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและทำให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจตรงกับรัฐบาล ผมก็เห็นว่าไม่น่าจะเป็นความลับอะไรก็ควรที่จะเปิดเอ็มโอยู ประชาชนจะได้หายคลางแคลงใจว่าไทยไม่เสียประโยชน์จากการลงนามในเอ็มโอยูฉบับนี้" ประธานวุฒิสภา ระบุ
ศรีสะเกษบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอคนไทยรักกัน
ส่วนทางด้านความเคลื่อนไหวบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชานั้น สถานการณ์ทั่วไปบริเวณพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หลังจากที่นายวีระยกขบวนเข้ากรุงเทพฯ และยกเลิกกำหนดการที่จะนำมวลชนมาชุมนุมทวงคืนพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารในวันที่ 7 สิงหาคม ทำให้บรรยากาศโดยทั่วไปของพื้นที่เงียบสงบ ไม่มีการเปิดเวทีปราศรัยของกลุ่มมวลชนใดๆ
ขณะที่กลุ่มธรรมยาตราทวงคืนมณฑลบูรพา นำโดยนายสมาน ศรีงาม และคณะ ประมาณ 10 คน จะเดินทางมาที่บริเวณหน้าด่านเก็บเงินค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารในวันที่ 8 สิงหาคม เพื่อมาทำพิธีกรรมบนบานศาลกล่าว ขอให้คนไทยทั้งประเทศสามัคคีกัน และจะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้นายอภิสิทธิ์ดำเนินการตามอนุสัญญาโตเกียว เพื่อทวงคืนมณฑลบูรพากลับคืนมา เพราะเชื่อว่าอนุสัญญาโตเกียวนี้จะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดที่ไม่ใช่แค่เพียงพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร เท่านั้น
ทหารเขมร470นายประชิดชายแดน
ด้านแหล่งข่าวตามแนวชายแดนเปิดเผยว่า ที่ผ่านมากัมพูชาได้นำเสนอข่าวว่ากลุ่มมวลชนของนายวีระจะเดินทางขึ้นไปยึดพื้นที่ปราสาทพระวิหารคืน ทำให้รัฐบาลกัมพูชามีคำสั่งให้กองทัพที่ปฏิบัติหน้าที่บนเขาพระวิหารเตรียมความพร้อม 100% อีกทั้งยังเรียกทหารกองหนุนที่ปลดประจำการไปแล้วกลับเข้าต้นสังกัดเดิมทั้งหมด และได้เสริมกำลังเข้ามาประชิดแนวชายแดนมาร่วมสัปดาห์แล้ว ขณะที่ทหารไทยแม้จะไม่มีการเสริมกำลัง แต่ก็มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้กำลังพลทุกนายเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
รายงานข่าวในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีกำลังทหารแต่ยังตรวจสอบไม่ได้ว่ามาจากหน่วยไหน เดินทางจากกรุงพนมเปญมายังชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร จำนวน 470 นาย พร้อมรถบรรทุกปืนยิงจรวด 2 คัน รถขนกระสุน 2 คัน และรถลำเลียงกำลังพลอีก 11 คัน โดยแจ้งมาว่า ทหารชุดดังกล่าวแค่เดินทางมาฝึกซ้อมรบเท่านั้น ไม่ใช่การเสริมกำลังแต่อย่างใด
ผู้ชุมนุมหน้าทัพภาค1ทยอยกลับค้างคืนแค่200
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้ากองทัพภาคที่ 1 ว่า กลุ่มชุมนุมเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติประมาณ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกลุ่มกองทัพธรรมและ จ.บุรีรัมย์ แสดงความจำนงจะอยู่ค้างคืน โดยพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูความเรียบร้อยรอบพื้นที่ พร้อมทั้งเชิญหัวหน้าการ์ดที่ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมมาหารือ และสั่งห้ามกางเต็นท์ขนาดใหญ่ และห้ามตั้งเวทีปราศรัยบนถนนราชดำเนินตลอดสาย เนื่องจากจะผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากนั้นผู้ชุมนุมจึงนำเต็นท์สนามเดินป่าออกมากางเรียงรายอยู่บนฟุตบาทตั้งแต่หน้ากองทัพภาคที่ 1 ถึงริมรั้ว บช.น.เพื่อเตรียมพักค้างคืน
ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ไม่ได้คุยกับแกนนำที่ปักหลักชุมนุมค้างคืนอยู่หน้ากองทัพภาคที่ 1 เลย คิดว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคงจะดูแลอยู่ แต่ก่อนหน้านี้ได้คุยกับนายไชยวัฒน์ เรื่องจะขอออกทีวีที่ทำเนียบรัฐบาล แต่บอกว่าจัดที่ช่อง 11 ดีกว่า ซึ่งเขาก็ตกลง โดยมีตัวแทนฝ่ายละ 5 คน ซึ่งฝ่ายรัฐบาลจะมีตน นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ส่วนที่เหลือยังติดต่ออยู่
"ฮอ นัม ฮง"เย้ย "อภิสิทธิ์"เลิกฝันขึ้นทะเบียนร่วม
หนังสือพิมพ์พีเพิ่ล เดลี่ ของทางการจีนและสำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายฮอ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมาระบุว่า การเรียกร้องของทางไทยที่ต้องการให้มีการขึ้นทะเยียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกันกับกัมพูชานั้น ไม่ทันกาลแล้ว และคงกลายเป็นเพียงแค่ความฝันของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยเท่านั้น
รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังกล่าวด้วยว่า ไทยไม่ได้มี "ความตั้งใจจริง" ในอันที่จะยุติความขัดแย้ง เพราะในระหว่างการพบหารือกันในอดีตที่ผ่านมา ฝ่ายไทยกระทั่งยังหยิบยกเอาเรื่องชื่อเรียกมาใช้เรียกพระวิหาร โดยไม่ยอมรับชื่อเรียกที่ถูกนำมาใช้ทั้งในสนธิสัญญาปีค.ศ.1904 (พ.ศ. 2477) และ 1907(2450) รวมทั้งเป็นคำเรียกที่ศาลโลกใช้ในคำพิพากษาเมื่อปี 1962 (2505) อีกด้วย อย่างไรก็ตามนายฮอ นัม ฮง ย้ำว่า กัมพูชายังคงหวังที่จะแก้ปัญหานี้กับไทยได้โดยสันติผ่านการเจรจาและต่อรองระหว่างกัน