ข่าว

ช่องสะงำเงียบผู้ค้า2ปท.ปิดร้านหวั่นบานปลาย

ช่องสะงำเงียบผู้ค้า2ปท.ปิดร้านหวั่นบานปลาย

01 ส.ค. 2553

นายอำเภอภูสิงห์ลุยตรวจตลาดการค้าชายแดนไทย - เขมรด่านถาวรช่องสะงำ นักท่องเที่ยวซบเซา พ่อค้าแม่ค้าทั้ง 2 ประเทศเปิดร้านค้าขายกันน้อยกว่าที่ผ่านมา หวั่นสถานการณ์บานปลาย

 เมื่อเวลา 08.30น. วันที่ 1 ส.ค. นายเกริกไกร  ผ่องแผ้ว นายอำเภอภูสิงห์ พร้อมคณะรุดตรวจเยี่ยมตลาดการค้าขายจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ  ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ที่ตลาดการค้าฝั่งไทยซึ่งวันนี้บรรยากาศการค้าขายซบเซากว่าตลาดนัดทุดวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีประชาชน 2 ฝั่งประเทศขึ้นมาจับจ่าย ซื้อขายกันจำนวนน้อยกว่าปกติ โดยเฉพาะเหล่าบรรดาพ่อค้ารายย่อยชาวไทยที่เคยมีการวางแผงขายทั้งพืช ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ เนื้อปลาเคยมีเป็น 100 แผงกลับมีจำนวนลดน้อยลงถนัดตามีประมาณ 30 - 40 แผงเท่านั้น

 ขณะที่ประชาชนทางประเทศกัมพูชาเองขึ้นมาซื้อหาเครื่องอุปโภคบริโภคนัดละไม่น้อยกว่า 1,200 - 1,500 คนช่วงตลาดนัดวันอาทิตย์ แต่นัดนี้ถือว่าน้อยกว่าปกติมีประมาณ 700 - 800 คนเห็นจะได้ สาเหตุมาจากการที่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศบริโภคข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อของทั้ง 2 ประเทศที่ออกข่าวครึกโครมด้านปราสาทเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นสาเหตุหนึ่งในความไม่มั่นใจกับสถานการณ์ เกรงเกิดการใช้กำลังทหาระหว่าง 2 ประเทศ ส่งผลให้พ่อค้าชาวไทยประชาชนเขมรขึ้นผ่านจุดผ่านแดนน้อยลง

 นายเกริกไกร ผ่องแผ้ว นอภ.ภูสิงห์ กล่าวยืนยันว่าสาเหตุที่ประชาชนคนเขมรขึ้นมาซื้อหาสิค้าในการอุปโภคบจำนวนผู้คนน้อยกว่าปกตินั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร ต. เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นมรดกโลก แต่ประการใด เพราะพื้นที่ตลาดการค้าช่องสะงำประชาชนทั้ง 2 ประเทศมีการไปมาหาสู่กันเป็นปกติมีการแลกเปลี่ยนสินค้าวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ประกอบกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดน 2 ประเทศก็มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันรับประทานอาหรร่วมกันเป็นประจำ แต่ด้วยปัจจัยที่ผู้คนขึ้นมาน้อยในวันนี้สืบเนื่องมาจากช่วงนี้เป็นฤดูกาลทำนา ทำไร่ของพี่น้องประชาชนฝั่งเขมรเองเขาเร่งเพาะปลูกพืชทางการเกษตรตามฤดูกาล ส่วนผู้คนที่จะขึ้นไปท่องเที่ยวตลาดช่องสะงำผ่านแดนประเทศกัมพูชาสามารถไปท่องเที่ยวทำมาค้าขายเป็นไปอย่างปกติ ซึ่งไม่เกิดสถานการณ์ความตึงเครียดแต่ประการใด ไม่มีการเสริมกองกำลังทหารจากทั้ง 2 ประเทศ

 นายหัตถชัย เพ็งแจ่ม ประธานผู้ประกอบการค้า การท่องเที่ยวช่องสะงำ กล่าวว่ากสรค้าวันนี้อาจดูแล้วไม่คึกคักเหมืนนัดที่ผ่าน ๆ มา สาเหตุหนึ่งมาจากการรับฟังข่าวสารของทั้ง 2 ประเทศ ที่บริโภคข้อมูลข่าวสารจากสื่อแต่ละประเทศดูแล้วน่ากลัวชาวบ้านฝั่งเขมรที่อาศัยอยู่พื้นที่ลึกถึงเสียมราฐ พนมเปญเองไม่กล้าออกมาด้วยความไม่มั่นใจในสถานการณ์ส่วนหนึ่ง ที่ขึ้นมาส่วนมากเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนไทยเขมรทั้งสิ้นอาทิ จ.อดรมีชัย จ.พระวิหาร จ.เสียมราฐ บางส่วนเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งมาจากที่ชาวบ้านทางฝั่งเขมรเขาเองอยู่ช่วงฤดูทำนาด้วย  แต่ที่กระทบตรง ๆทางด้านเศรษฐกิจช่วงนี้เนื่องจากอัตราการแลกค่าเงินรีลของเขมรกับแลกเงินบาทของไทยแพงลิบ สนนราคาการแลกเปลี่ยนในอดีต 1 บาทไทย แลกเงินรีลเขมรได้ 103 -105 บาทเท่านั้น

 ขณะที่ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนในพื้นที่ตลาดช่องสะงำทั้งฝั่งไทย ฝั่งเขมรในอัตราส่วน135 รีลแลกเงินไทยได้ 1 บาทหรือ 1,3500 รีล แลกเงินไทยได้ 100 บาท เมื่อขึ้นฝั่งไทยนำเงินเขมรแลกเป็นเงินไทยในการซื้อขาย กลับไปนำเงินไทยแลกเงินเขมรซื้อขายในประเทศเขมร สินค้าราคาก็แพงด้วย แถมยังต้องเสียภาษีต่อหน่วยงานเบี้ยรายทางอีกด้วย ส่งผลพ่อค้าแม่ค้ามีกำไรน้อย หรือแทบไม่มีกำไรเลย ส่งผลพ่อค้า แม่ค้าส่วนหนึ่งของเขมรหันไปซื้อหาสินค้าที่จังหวัดเสียมราฐแทนเพราะไม่ต้องเสียภาษีแต่อย่างใด ยังพอมีกำไรบ้าง

 นายเอก บุญยืน อายุ 31 ปี ชาวบ้านอัลลองเวง ผู้คุมคนงานก่อสร้างตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำกล่าวว่าอาทิตย์นี้ประชาชนคนเขมรขึ้นมาจับจ่ายใช้สอยน้อยมาก ตนเองซึ่งเป็นชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ที่เมืองอัลอลเวงตั้งแต่เกิดมานั้น เกี่ยวกับเรื่องการขึ้นปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่ฝั่งเมืองอัลลองเวงเองไม่มีการตื่นตระหนกเหมือนในอดีตที่ผ่านมาใหม่ ๆมีเหตุการณ์ที่คนในตลาดช่องสะงำฝั่งเขมรเฮโลอพยพลงไปอาศัยบ้านญาติพี่น้องที่ห่างไกลชายแดนไปกลับต้องสูญเงินร่วมประมาณ 800 - 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ กลับขึ้นมาร้านค้าที่ปิดไว้ถูกงัด ถูกหัวขโมย ขโมยเกลี้ยงร้าน

 "เวลานี้แม้มีข่าวจากทั้ง 2 ประเทศเรื่องความขัดแย้งมีการตึงเครียดแต่ผู้คนพื้นที่อัลลองเวงเองไม่มีใครตื่นตระหนกแล้ว คงใช้ชีวิตเป็นไปตามปกติผ่านแดนทำงานฝั่งไทยเหมือนไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น ขณะนี้ตนเองมีคนงานในการทำงานก่อสร้างฝั่งไทยอยู่จำนวน 30-40 คนไป - กลับ  แต่สิ่งที่ลำบากใจมากที่สุดขณะนี้คือสินค้าแพง การแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างเงินสกุลไทยกับเขมรห่างไกลกันมาก ๆ นี่ต่างหากที่คนเขมรขึ้นผ่านแดนมาน้อยไม่เหมือน 4 - 5 เดือนที่แล้ว ผู้คนเขมรขึ้นมากเพราะสินค้าไทยมีคุณภาพดี และอีกอย่างหนึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ทำนา ทำไร่ ทำสวนของพี่น้องฝั่งเขมรอีกด้วยหละเขาจึงขึ้นมาน้อย" นายเอก กล่าว