
ดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบเศรษฐกิจชาวบ้านอย่างไร
หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อาร์พี 1 วัน 0.25% ต่อปี มาอยู่ที่ 1.50% ต่อปี หลังจากก่อนหน้าได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำที่ 1.25% ต่อปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2552
สาเหตุหลักที่ทำให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่เด่นชัด หลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย และผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 อยู่ในวงที่จำกัด และต่ำกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ไว้
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จะมีคนได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์พร้อมกันไป โดยสำหรับธุรกิจที่ต้องพึ่งพาเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ จะต้องวางแผนและสร้างช่องทางลดภาระหนี้โดยเร็ว แล้วมองหาแหล่งเงินทุนใหม่ที่จ่ายดอกเบี้ยถูกกว่าเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้ รวมทั้งออกตราสารหนี้ แต่สำหรับในด้านธนาคารพาณิชย์อาจจะต้องรับภาวะความเสี่ยงเกี่ยวกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพาณิชย์สูงขึ้น
และที่สำคัญ ยังส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น จนเป็นเหตุให้การลงทุนภาคเอกชนที่เคยเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชะลอตัวลง
ในด้านผู้ออมเงินและนักลงทุนการเงิน จะต้องระวังและศึกษาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในการลงทุนในประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น กองทุน และตราสารหนี้อย่างจริงจังและรอบคอบ ซึ่งการลงทุนในหุ้นนั้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้นจะต้องจับตาว่า บริษัทไหนที่มีหนี้ต่ำเป็นสำคัญ เพราะจะได้รับประโยชน์สูง ส่วนสถาบันการเงินนั้น จะมีความสามารถบริหารกำไรได้ดี
อย่างไรก็ตาม สำหรับการทะยานขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในประเทศนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่ทางการจะดำเนินนโยบายเข้มงวดทางการเงิน โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องจนอาจถึง 2% ได้ในปลายปีนี้ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายที่กำหนด
แต่กุญแจสำคัญที่อยากจะฝากไว้ในวันนี้ ก็คือเราจะแปลงสถานการณ์นี้ให้กลายเป็นโอกาสได้มากน้อยเพียงใด เพราะเป็นธรรมชาติของการลงทุนที่มีการคำนวณระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงควบคู่กันไปมาเสมอ และไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด...
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)



