ข่าว

"หมวกแดง"พาชุดดำฝึกไต้หวันฝึกรบกองโจร-ตั้งมวลชน

"หมวกแดง"พาชุดดำฝึกไต้หวันฝึกรบกองโจร-ตั้งมวลชน

20 ก.ค. 2553

แม้ว่าจะได้ตัว "สุรชัย เทวรัตน์" หรือ "หรั่ง" อายุ 25 ปี มือไม้คนสำคัญของ "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ทำให้ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายและวิธีการก่อเหตุป่วนเมืองของชายชุดดำช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สี่แยกราช

 จึงเป็นที่มาที่ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" อธิบดีดีเอสไอ ออกมาแถลงว่า การเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ถือว่ามีนัยสำคัญ ส่งตรงไปถึงเรื่องการเมือง นักธุรกิจ คนมีสี รวมถึงคนไกลที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง

 มีการพบเบาะแสการเดินทางไปไต้หวันจากการให้ปากคำของนายสุรชัย ว่า เพื่อฝึกอาวุธ

 เมื่อเชื่อมโยงข้อมูลแล้ว การเดินทางไปครั้งนี้ น่าจะเป็นการเดินทางไปด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวกับทหารไต้หวันบางคน ซึ่งปกติทหารหน่วยที่จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการฝึกกับทหารต่างชาติมากที่สุดหน่วยหนึ่ง คือทหารหน่วยรบพิเศษ หรือ "นักรบหมวกแดง"

 ในส่วนของผู้ที่ทำการฝึกทราบข่าวว่า เป็นทหารรบพิเศษนอกราชการของไต้หวันที่ทำการฝึกการใช้อาวุธชนิดต่างๆ และยุทธวิธีการรบในเมืองให้ชายชุดดำ

 สำหรับความสัมพันธ์ของทหารรบพิเศษบางคนกับทหารไต้หวันเกิดขึ้นตั้งแต่ทหารกองพลที่ 93 จากพรรคก๊กมินตั๋งของจีนถอยร่นจากการต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาทางชายแดนภาคเหนือของไทยทำให้เกิดการปะทะกับทหารไทย แต่ต่อมาทหารกลุ่มดังกล่าวก็ได้เข้ามาปักหลักอาศัยอยู่ในประเทศไทย และมีความสัมพันธ์อันดีกับทหารไทย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการส่งคนไปฝึกที่ไต้หวัน

 "เรื่องยุ่งๆ ทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นเพราะทหารนอกแถวกลุ่มนี้ทั้งนั้นแหละ พวกนี้มันร้อนวิชา พอเกษียณแล้วไม่มีอะไรทำก็รับจ๊อบฝึกอาวุธ ซึ่งปกติไต้หวันมักจะซ้อมรบสม่ำเสมออยู่แล้วเพื่อเตรียมรบกับจีน เรื่องฝีมือจึงไม่ต้องพูดถึง"

 เขาเชื่อว่า สถานที่ในการฝึกอาวุธไม่จำเป็นต้องเป็นค่ายทหารเสมอไป แต่อาจเป็นสถานที่รกร้างของเอกชนที่มีพื้นที่กว้างขวาง และเปลี่ยวอยู่พอสมควรเพื่อใช้ฝึกยิงอาวุธ และกะระยะให้แม่นยำ เพราะการก่อเหตุในเมืองต้องยิงหลบตึกสูงต่างๆ ซึ่งต้องใช้ความแม่นยำสูง ส่วนที่มีข่าวว่า ใช้เวลาฝึกเป็นคอร์สสั้นๆ 7 วันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ยกเว้นจะฝึกยิงเบื้องต้น หรือยิงแบบส่งเดชเพื่อสร้างความวุ่นวายเท่านั้น

 สำหรับหลักสูตรพวกนี้น่าจะใช้หลักสูตรการฝึกเหมือนพวกอาร์เคเคในภาคใต้ คือถ้าเป็นหลักสูตรเบื้องต้น เช่น วางตะปูเรือใบ หรือระเบิดตู้โทรศัพท์ ก็อาจใช้เวลาฝึกสั้นๆ แค่ 7 วัน แต่ถ้าเป็นหลักสูตรขั้นสูง เช่น การลอบฝังระเบิดไว้ใต้ดิน หรือซุ่มยิงรถทหารที่เคลื่อนที่ต้องใช้เวลาฝึกเป็นเดือนถึงจะยิงเป็น ยิงแม่น ซึ่งจุดประสงค์ในการฝึกก็แล้วแต่ว่า ชุดที่ทำการฝึกจะเอาไปใช้ในภารกิจอะไร

 ขณะที่กลุ่มที่เดินทางไปฝึกอาวุธทราบว่า ส่วนใหญ่จะใช้คนหนุ่มที่มีความคล่องตัวสูง โดยเน้นพวกที่ไม่มีประวัติอาชญากรรม และมีการชักชวนกลุ่มชาวเขาบางส่วนที่ไม่มีสัญชาติไปฝึกเพื่อให้การแกะรอยของเจ้าหน้าที่ทำได้ยากขึ้น

 ส่วนแหล่งฝึกอาวุธอีกแห่งที่พูดถึง คือ "ประเทศเพื่อนบ้าน" เขาเชื่อว่า ไม่น่าจะเป็นการฝึกการใช้อาวุธรายบุคคล หรือทำกันเป็นกลุ่มย่อยตามภารกิจเหมือนการฝึกที่ไต้หวัน แต่ทราบข่าวมาว่า เป็นการฝึกการรบแบบ "กองโจร" ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่ถนัดของประเทศในกลุ่มคอมมิวนิสต์ โดยมีครูฝึกทั้งจากไทยและประเทศเพื่อนบ้านเป็นผู้ฝึกสอน

 ตอนนี้ ศอฉ.ได้รับข้อมูลว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทยอยจับเครือข่ายกลุ่ม นปช.มาสอบปากคำทีละคน รวมถึงการติดต่อซื้อขายอาวุธที่ผิดกฎหมายเพื่อหาตัวเชื่อมโยงที่มาของอาวุธ ที่นำมาก่อเหตุว่าจากไหน ใครอยู่เบื้องหลัง

 นายสุรชัยได้ยื่นเงื่อนไข-ข้อแลกเปลี่ยนกับการเปิดเผยข้อมูลถึงขบวนการก่อการร้าย และผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งการทั้งหมด โดยขอให้ดีเอสไอกันตัวนายสุรชัยเป็นพยานในคดี และขอให้รับภรรยา แม่และลูกสาวของนายสุรชัยเข้าสู่การคุ้มครองพยานด้วย

 ซึ่งดีเอสไอตกลงจะคุ้มครองแม่ ลูกและภรรยาของนายสุรชัยตามมาตรการคุ้มครองพยาน โดยรับปากว่าจะดูแลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีและมีความปลอดภัยในชีวิต แต่ไม่สามารถกันตัวนายสุรชัยเป็นพยานในคดีก่อการร้ายเช่นเดียวกับนายเมธี อมรวุฒิกุล แนวร่วม นปช.ได้ เพราะนายสุรชัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีก่อการร้ายหลักๆ ถึง 8 คดี และยังเป็นหนึ่งในขบวนการค้าอาวุธสงคราม

 ณ เวลานี้ ทางดีเอสไอและ ศอฉ.ก็ต้องรอดูว่าเมื่อไหร่นายสุรชัยจะให้การเพิ่มเติมเพื่อสาวให้ถึงผู้วางแผนที่แท้จริง

 โดยข้อมูลที่มุ่งหวังอยากได้ก็คือ รูปแบบการจัดตั้งองค์กร และการจัดตั้งมวลชน

 อย่างไรก็ตาม การขยายผลจากการจับกุมนายสุรชัย น่าจะพัวพันไปถึง "นายทหารระดับสูง" ที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนจะจับกุมได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มี แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำ หากต้องการที่จะบล็อกความเคลื่อนไหวของกองกำลังติดอาวุธ

 เมื่อให้ประเมินจำนวนของนักรบชุดดำทั้งสองกลุ่มนี้ เขาก็ไม่สามารถประเมินถึงจำนวนที่แน่นอนได้ เพราะมีการฝึกกัน
หลายกลุ่ม แต่บอกได้ว่าชุดละอย่างน้อย 5-10 คน

 แต่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เคยประเมินไว้ในช่วงที่มีการชุมนุม ว่ามีผู้เข้าร่วมโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 500 คน

ทีมข่าวความมั่นคง