ข่าว

ปลุกจิตสำนึกเด็กรักวรรณคดีไทย

ปลุกจิตสำนึกเด็กรักวรรณคดีไทย

19 ก.ค. 2553

กลายเป็นสนามเด็กเล่นในพริบตา เมื่อทั้งเด็กเล็กและเด็กโตต่างสนุกสนานกับการเลือกหนังสือและกิจกรรมสันทนาการ ภายในงาน "เทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชน ครั้งที่ 8" ปีนี้เขาจัดขึ้นภายใต้คำขวัญ

"เด็กฉลาด ชาติเจริญ" ทั้งยังชูแนวคิด "ตะลุยโลกวรรณคดีไทย สร้างนิสัยรักการอ่าน" เพื่อปลุกจินตนาการของเด็กไทยให้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสโลกวรรณคดีไทยในอดีต ทั้งยังต้องการให้เยาวชนไทยหันมาเห็นคุณค่าของวรรณคดีไทย และสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นผ่านภาพและตัวอักษรในหนังสือนิยาย

 ประธานในพิธีอย่าง ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวว่า อยากให้เด็กไทยก้าวเข้าสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมของเด็กๆ ให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า ในโลกสมัยใหม่นี้ทั่วโลกพยายามตั้งเป้าหมาย ในการพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนของตัวเองเอาไว้สูงมาก เพราะโลกอนาคตต้องสู้กันด้วยความรู้ ซึ่งสังคมแห่งความรู้นั้นจะต้องดำเนินอยู่บนพื้นฐาน 2 สิ่ง นั่นคือ ความจริง และความมีเหตุผล

 "วรรณคดีไทยเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากบางครั้งถูกละเลย น้อยคนที่จะเห็นถึงคุณค่า จึงจำเป็นต้องมี 3 ปัจจัยที่จะทำให้วรรณคดีไทยยั่งยืน คือ 1.ความเข้มแข็งของภาษาไทย หากการศึกษาของไทยยังคงเป็นอยู่แบบนี้ คงไม่มีโอกาสที่ประเทศจะเจริญได้ถือเป็นจุดอ่อน เพราะเราให้ความสำคัญกับภาษาน้อยเกินไป วรรณคดีไทยเป็นวรรณกรรมที่งดงามทั้งภาษาเขียน ภาษาพูด ฉันทลักษณ์ มีเสน่ห์มากแต่ไม่ค่อยได้สนใจกัน ดังนั้นครูสอนภาษาไทยต้องเก่ง ไม่ใช่แค่พูดภาษาไทยแล้วจะมาสอนแบบนั้นเป็นการเข้าใจผิด 2.ฉันทลักษณ์ เป็นเรื่องน่าชื่นชมที่เด็กๆ จะได้ลงมือฝึกแต่เด็ก ทั้งร้อยแก้ว ร้องกรอง แต่กลับหายไปหรือได้รับการบิดเบือนไปหมด 3.ต้องเข้าใจในวัฒนธรรมไทย เมื่อเข้าใจวัฒนธรรมไทยและได้ศึกษาวรรณคดีจนเข้าใจ เด็กๆ จะรู้สึกซาบซึ้งไปกับวรรณคดีเหล่านั้นเอง วรรณคดีไทยหลายเรื่องมีความไพเราะงดงามทางภาษา และหลายเรื่องถือว่า ไม่แพ้วรรณกรรมแฟนตาซีดังๆ ด้วย" องคมนตรีกล่าว

 ด้าน ริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เผยว่า ตั้งแต่จัดงานครั้งแรกได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับปีนี้คณะผู้จัดงานพยายามพาเด็กๆ ย้อนอดีตกลับไปสู่จินตนาการในวัยเยาว์ เพื่อปลุกฝันและความสนุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกความหวงแหนในศิลปวัฒนธรรมของชาติตามแนวทางคนรุ่นใหม่ รวมทั้งความรักชาติ ความสามัคคีที่สังคมไทยกำลังต้องการมากที่สุดในขณะนี้ด้วย

 เพื่อไม่ให้วรรณคดีไทยที่มีความงดงามทางภาษา ถูกกลืนหายไปจากสังคมไทยอย่างถาวร คงต้องสะกิดคนในชาติให้รู้สึกรักและหวงแหน พร้อมๆ กับร่วมกันสืบทอดวรรรณกรรมอันงดงามเหล่านี้ให้คงอยู่คู่ประเทศชาติสืบไป