เร่งปรับปรุงถ้ำผานางคอยอบจ.แพร่หวังปรับโฉมใหม่

 นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่ เปิดเผยว่า ได้เข้าพัฒนาปรับปรุงบริเวณถ้ำผานางคอย โดยเฉพาะบริเวณจุดสำคัญตามตำนานถ้ำผานางคอย โดยจัดทำทางเดินเพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยว เพิ่มระบบสีสัน เพื่อให้เกิดความสวยงามเสริมจากธรรมชาติสร้าง พร้อมทั้งสร้างระบบน้ำ และให้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของ จ.แพร่

 "ถ้ำผานางคอยในอดีตเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.แพร่ แต่ช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาพบได้รับการละเลย ไม่ได้รับความสนใจในการบำรุงรักษา กระทั่งเดือนมีนาคม 2553 อบจ.แพร่ ได้รับการโอนพื้นที่อำเภอร้องกวาง เริ่มพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ ประกอบด้วย อาคารค่ายลูกเสือเดิม บริเวณโดยรอบถ้ำทั้งหมด และพื้นที่ลานจอดรถ มีการสร้างระบบน้ำใช้โดยขุดบ่อบาดาล และกั้นลำห้วยบ้านผาหมูฝั่งซ้าย และขวาด้วยฝายชะลอน้ำ ประชาอาสา"

 ถ้ำผานางคอยตั้งอยู่บ้านผาหมู อ.ร้องกวาง เป็นถ้ำธรรมชาติขนาดใหญ่นี้มีความสวยงาม ลักษณะถ้ำตั้งอยู่บนผาสูงประมาณ 50 เมตร บริเวณด้านหน้าถ้ำมีลานหินกว้าง ตัวถ้ำมีความลึก มีลักษณะยาวขนานไปในระดับพื้นดินประมาณ 150 เมตร กว้างเฉลี่ย 20 เมตร

 นายอนุวัธ กล่าวอีกว่า ตามตำนานของถ้ำผานางคอย ได้เล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อปี 1700 อาณาจักรแสนหวีมีความเจริญรุ่งเรือง กษัตริย์ปกครองอย่างสงบสุข พระองค์ทรงมีราชธิดาองค์หนึ่งมีสิริโฉมงดงามมาก มีน้ำพระทัยดี มีพระนามว่า เจ้าหญิงอรัญญานี ครั้งหนึ่งเจ้าหญิงได้เสด็จโดยชลมารคแล้วเรือล่ม หัวหน้าฝีพายชื่อ "คะนองเดช" ได้ช่วยเหลือเจ้าหญิงไว้ได้ ทั้งสองจึงเกิดรักกัน จนเจ้าหญิงทรงครรภ์ พระราชบิดาทราบเรื่องก็ทรงพิโรธ จึงขังเจ้าหญิงไว้ แต่ฝ่ายคะนองเดชก็หาโอกาสช่วยพาหนีลงมาทางใต้ โดยมีกองทหารไล่ตามอย่างกระชั้นชิด เมื่อตามมาทันที่หุบเขาแห่งหนึ่ง เจ้าหญิงถูกยิงด้วยธนู คะนองเดชจึงพาไปหลบซ่อนในถ้ำเพื่อรักษาพยาบาล เจ้าหญิงเห็นว่าทหารกำลังตามมา จึงให้คะนองเดชหนีไปก่อน และบอกว่าจะคอยคะนองเดชอยู่ในถ้ำนี้ จนคลอดบุตร นางจึงอุ้มบุตรรอคะนองเดชจนร่างกลายเป็นหิน ถ้ำนี้จึงได้ชื่อว่า ถ้ำผานางคอย