
"ชิชาริโต-ซาบี" ยอดนักฟุตบอลจอมวิ่ง
แม้จะเพิ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของแฟนบอลทั่วโลกได้ไม่นานนัก หลังตัดสินใจเก็บข้าวของย้ายจาก ชีวาส กัวดาลายารา ซึ่งเป็นทีมต้นสังกัดในถิ่นบ้านเกิด
เพื่อย้ายไปค้าแข้งให้ทีมลูกหนังระดับโลกอย่าง "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ทว่า ฮาเวียร์ "ชิชาริโต" เฮอร์นันเดซ กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติเม็กซิโกได้มีชื่อขึ้นแท่นกลายเป็นนักฟุตบอลที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกไปเสียแล้ว
หลัง คาสตรอล อินเด็กซ์ ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบประเมินผลของสถิติต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน "ศึกฟุตบอลโลก 2010" ได้มีการเปิดเผยตัวเลขในเรื่องดังกล่าว ผลปรากฏว่า หัวหอกวัย 22 ปีรายนี้กลายเป็นนักฟุตบอล "เจ้าลมกรด" ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของโลกไปเสียแล้ว เพราะสามารถวิ่งด้วยอัตราความเร็วเฉลี่ยต่อชั่วโมงสูงถึง 32.15 กิโลเมตรเลยทีเดียว แถมยังเป็นการโค่น "แชมป์เก่า" ซึ่งเคยเป็นศิษย์เก่า "ปีศาจแดง" อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ ปีกทีมชาติโปรตุเกสแบบราบคาบอีกด้วย
เนื่องจาก โรนัลโด้ สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วเฉลี่ยที่ตกลงไปค่อนข้างเยอะพอสมควรเหลือเพียงแค่ 28.11 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ส่วนยอดนักฟุตบอลแห่งยุคนี้อย่าง ลิโอเนล เมสซี จอมทัพ "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา แม้จะสามารถโชว์ฝีเท้าในการสับขาหลอกคู่แข่งได้อย่างว่องไวเหลือเกิน แต่ทว่ามิดฟิลด์ร่างเล็กรายนี้กลับมีความเร็วเฉลี่ยในการออกตัววิ่งสปีดเพียงแค่ 28.72 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
ส่งผลให้ "ชิชาริโต" ขึ้นแท่นกลายเป็นนักฟุตบอลที่สามารถวิ่งสปีดออกตัวด้วยความเร็วเฉลี่ยสูงที่สุดในโลกไปโดยปริยาย หลังลงสนามรับใช้ทีมชาติบ้านเกิดในศึกฟุตบอลโลก 2010 ทุกนัดทั้งหมด 4 เกม แถมยังจัดการสอยตาข่ายคู่แข่งได้ถึง 2 ประตูอีกด้วย แม้สุดท้าย "จังโก้" จะต้องจอดป้ายเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ตาม เพราะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา 1-3 นั่นเอง
ส่วนนักฟุตบอลที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพวก "จอมอึด" เพราะสามารถวิ่งได้ตลอดทั้งเกมไปทั่วทั้งสนามแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้แฟนบอลหลายคนอาจจะนึกถึงชื่อของ เดียร์ก เคาท์ กองหน้าจอมขยันของทีมชาติฮอลแลนด์เป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากหัวหอกวัย 28 ปีรายนี้สามารถวิ่งไล่บอลแบบไม่รู้จักคำว่า "หมดแรง" เหมือนอย่างที่เคยได้เห็นจากการลงเล่นให้ทีมต้นสังกัด "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล อยู่บ่อยครั้ง
แต่ทว่าตำแหน่งนักฟุตบอลจอมขยันที่สามารถออกแรงวิ่งระยะไกลได้เหมือนกับ "นักวิ่งมาราธอน" กลับตกเป็นของ ซาบี เฮอร์นันเดซ กองกลางทีมชาติสเปน เนื่องจากมิดฟิลด์วัย 28 ปีรายนี้สามารถวิ่งได้ระยะทางรวมทั้งหมดมากถึง 80.20 กิโลเมตรเลยทีเดียว หลังลงสนามรับใช้ทีมชาติบ้านเกิดของตัวเองครบทั้งหมด 7 เกม แถมยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ "กระทิงดุ" คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยแรกมาครองได้สำเร็จอีกด้วย
ขณะที่ "ชไวนี่" บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กองกลาง "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี เข้าป้ายคว้าตำแหน่งนักฟุตบอลจอมอึดเป็นอันดับ 2 เพราะสามารถวิ่งได้ระยะทางรวมทั้งหมด 79.80 กิโลเมตร หลังลงสนามรับใช้ทีมชาติบ้านเกิดครบทั้งหมด 7 นัด ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ มักซิมิเลียโน เปไรรา ฟูลแบ็ก "จอมโหด" อุรุกวัย ซึ่งวิ่งได้ระยะทางรวมทั้งหมด 78.60 กิโลเมตรในช่วงตลอดทั้ง 7 เกมที่ลงสนามรับใช้ทีมชาติบ้านเกิดของตัวเอง
หากใครคิดที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักฟุตบอลระดับโลกของยุคสมัยนี้ นอกจากจะต้องมีฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิมแล้ว บางทีอาจจำเป็นที่จะต้องมีทักษะในเรื่องของการวิ่งติดตัวเอาไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน