
เขมรสั่งเก็บตำราเรียนวิจารณ์ฮุน เซนห้ามม็อบ
กัมพูชาสั่งเก็บตำราเรียนวิจารณ์ฮุน เซน และพรรครัฐบาล พนมเปญไม่อนุญาตให้สหภาพแรงงานเดินขบวนในวันพรุ่งนี้เพื่อต้านไทยกรณีรุกล้ำชายแดน "อภิสิทธิ์" ชี้กัมพูชาจงใจจัดงานใกล้พระวิหาร ยันระวังไม่ให้มีปัญหาใหม่
(14กรกฎาคม) หนังสือพิมพ์ พนมเปญ โพสต์ ของกัมพูชา ฉบับวันนี้รายงานว่า รัฐบาลได้สั่งห้ามโรงเรียนทั่วประเทศ ใช้หนังสือความรู้รอบตัวสองเล่ม เป็นตำราเรียน หลังจากลงความเห็นว่ามีเนื้อหาเชิงวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีฮุน เซนและพรรครัฐบาล โดยนายอิม เศรษฐี รัฐมนตรีศึกษาธิการของกัมพูชา กล่าวว่า หนังสือความรู้รอบตัวดังกล่าวซึ่งใช้รูปแบบถาม-ตอบ ไม่ต่างอะไรจากใบปลิวทางการเมือง สมควรเก็บออกจากโรงเรียนต่าง ๆ ทันที
คำถามหนึ่งที่ถูกพิจารณาว่าไม่เหมาะสม คือการถามว่ากัมพูชาจะสามารถพัฒนาในอนาคตอันใกล้นี้ได้หรือไม่ คำตอบคือไม่ เพราะปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นตั้งแต่ระดับหัวแถวของรัฐบาลจนถึงระดับท้องถิ่น และการบังคับใช้กฎหมายกับการเคารพสิทธิมนุษยชนยังต่ำติดลบ
นายเพ็ญ บุษปา ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ ปฏิเสธว่า คำตอบดังกล่าว ไม่ใช่การวิจารณ์พรรครัฐบาลและนายกรัฐมนตรี แต่เป็นการตอบคำถามไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงโดยรวบรวมแนวคิดทั้งบวกและลบ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงเพิ่งมาสั่งห้ามในตอนนี้ เพราะหนังสือวางขายมาได้ 4 ปีแล้ว
นายเพ็ญ กล่าวด้วยว่าการกระทำของกระทรวงศึกษาฯ เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการพิมพ์เผยแพร่และการแสดงความเห็น ทั้งที่เป็นสิทธิที่รัฐบาลให้การรับรอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงศึกษาฯกัมพูชาคนหนึ่ง เปิดเผยว่า ที่จริงแล้ว กระทรวงสารนิเทศกัมพูชาเป็นผู้ออกคำสั่งห้ามหนังสือดังกล่าว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาได้แสดงออกถึงการไม่อดกลั้นต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้าน จากสื่อและภาคประชาสังคมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พนมเปญห้ามสหภาพแรงงานม็อบกรณีรุกล้ำชายแดน
เวบไซต์เคไอ-มีเดีย ดอต บล็อกสปอต ดอต คอม ได้เผยแพร่ข่าวจากเรดิโอ ฟรานซ์ อินเตอร์แนชันแนลเมื่อวันจันทร์ว่า ทางการกรุงพนมเปญของกัมพูชามีมติเมื่อวันอาทิตย์ปฏิเสธคำขอของสหพันธ์สหภาพแรงงานกัมพูชาที่จะจัดเดินขบวนต่อต้านกรณีทหารไทยล่วงล้ำชายแดนกัมพูชาในวันพฤหัสบดี แต่จะอนุญาตให้ทางสหพันธ์ชุมนุมภายในสำนักงานของตัวเองได้ ขณะที่นายรง ชุน ประธานสหพันธ์ฯ ยืนยันว่าจะเดินขบวนตามกำหนด
ทางการกรุงพนมเปญ อธิบายว่า เหตุผลที่ไม่อนุญาตให้เดินขบวนเพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาเรื่องความปลอดภัย ความมั่นคง และความสงบเรียบร้อย แต่เมื่อทางสหพันธ์ยืนยันจะเดินขบวน ก็จะส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยตัดสินใจ
สหพันธ์ฯได้ยื่นหนังสือขออนุญาตตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยแจ้งว่าจะชุมนุมในสวนสาธารณะหน้าศาลฎีกา และจะเดินขบวนไปวางดอกไม้ที่หน้าอนุสาวรีย์เอกราช
นายรง ชุน บอกว่า รู้สึกไม่พอใจต่อการตัดสินใจของทางการพนมเปญ และหวังว่ากระทรวงมหาดไทยจะอนุมัติให้เดินขบวนได้ แต่หากกระทรวงฯไม่อนุญาต ก็จะยังจัดเดินขบวนให้ได้
ความพยายามดังกล่าวมีขึ้นในโอกาสครบรอบ 2 ปีของการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ทางสหพันธ์ต้องการชุมนุมในวันที่ 15 กรกฎาคม ซึ่งถือว่าเป็นวันแห่งความโกรธแค้น เนื่องจากเป็นวันที่ทหารไทยได้เคลื่อนกำลังเข้าไปในเขตวัดแก้วสิขาคีรีสวรักษ์ ใกล้กับปราสาทพระวิหาร เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของปราสาทพระวิหาร และกัมพูชามองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการรุกราน
"อภิสิทธิ์"ชี้กัมพูชาจงใจจัดงานใกล้พระวิหาร
เมื่อเวลา 1 3.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมเซนทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ถึงกรณีที่ภาคเอกชนของกัมพูชาเตรียมจัดกิจกรรมวันแห่งความโกรธแค้นในวันที่ 15 ก.ค.นี้ บริเวณใกล้กับปราสาทพระวิหารท่ามกลางกระแสข่าวว่ามีการขนอาวุธหนักมาประชิดชายแดนไทย-กัมพูชาด้วยว่า เรามีการติดตามอยู่ จากการรับฟังจากผู้ปฏิบัติ ตนได้รับทราบว่ายังไม่มีอะไรน่าวิตกกังวลเป็นพิเศษ แต่เราไม่ประมาทและไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้น อีกทั้ง การที่จะจัดงานดังกล่าวใกล้กับปราสาทพระวิหารจะทำให้เราต้องระมัดระวัง เพราะได้ย้ำไปในเชิงนโยบายว่าความจำเป็นที่ต้องแสดงอธิปไตยและสิทธิเหนือพื้นที่ต่างๆนั้นต้องทำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันต้องหลีกเลี่ยงการปะทะที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เมื่อถามว่าทางกัมพูชาจะจัดงานนี้ในช่วงใกล้ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงเป็นเจตนา แต่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ของไทย มีความชัดเจนในการที่จะให้เราไปดำเนินการที่คณะกรรมการมรดกโลกอย่างเข้มแข็งเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ตนมองว่าการที่กัมพูชาจะจัดงานดังกล่าวก่อนที่คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาเรื่องปราสาทพระวิหารนั้น กัมพูชาไม่น่าจะได้ประโยชน์ เพราะยิ่งมีการแสดงออกที่บ่งบอกถึงการโต้แย้งสิทธิ์กันอยู่ น่าจะเป็นคุณกับฝ่ายไทย
เมื่อถามว่าถือเป็นการเล่นสงครามทางจิตวิทยาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดา ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าประเด็นอย่างนี้มีความละเอียดอ่อนทางการเมืองของทั้ง 2 ประเทศ ดังนั้น มันเป็นปัจจัยทางการเมืองของเขาด้วย ส่วนฝั่งเราก็มีปัญหาทางการเมืองอยู่ เมื่อถามว่าการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชายังยากอยู่ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่บนพื้นฐานเดิม ที่จริงแล้วการแก้ปัญหา เช่น บริเวณชายแดน ก็ได้หลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกันมาโดยตลอด แต่ปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการฟื้นความสัมพันธ์นั้นอยู่ที่ฝ่ายเขา ซึ่งเขายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงท่าที เราจึงยังไม่มีการส่งเอกอัครราชทูตไทยกลับไปประจำที่กัมพูชา
เมื่อถามว่าดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างตัวนายอภิสิทธิ์กับสมเด็จฯฮุนเซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นไปด้วยดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากการที่ได้พบกันเมื่อ 2-3 ครั้งสุดท้าย ก็เป็นไปอย่างดีมาก ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่าถ้าไทยไม่มีการเคลียร์กับกัมพูชา จะทำให้ประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่หรอกครับ”