ข่าว

'สเปน'เฉือน"กังหัน"1-0คว้าแชมป์โลก

'สเปน'เฉือน"กังหัน"1-0คว้าแชมป์โลก

12 ก.ค. 2553

อันเดรส อิเนสตา ฮีโร่ซัลโวประตูชัยนำ "กระทิงดุ" สเปน เฉือน "กังหันสีส้ม" ฮอลแลนด์ 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ คว้าแชมป์โลกเป็นหนแรก พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลกทีมที่ 8 ขณะที่ "พอล" หมึกยักษ์จอมพยากรณ์ สุดยอดทายถูกทุกนัด

ศึกฟุตบอลโลก 2010 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่สนามซอคเกอร์ ซิตี้ เมืองโยฮันเนสเบิร์ก เป็นการเล่นรอบชิงชนะเลิศ และพิธีปิดการแข่งขัน โดยพิธีปิดการแข่งขันเริ่มขึ้นก่อนการแข่งขันประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ปรากฏว่า เนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ วัย 92 ปี ได้เดินทางมาร่วมพิธีปิด หลังจากไม่ยอมมาร่วมพิธีเปิด เนื่องจากเหลนประสบอุบัติเหตุ ด้วยการนั่งรถกอล์ฟคู่มากับ เกรซ มาเชล ภริยา พร้อมกับยิ้มและโบกมือให้ผู้ชม ในสนามจำนวน 8 หมื่นคน ท่ามกลางเสียงต้อนรับของวูวูเซลา และเสียงโห่ร้อง จากนั้นจึงไปจับมือกับบรรดาเจ้าหน้าที่ แล้วเดินทางกลับในเวลาเพียงไม่กี่นาที

"ชากิรา"ชวนแด๊นซ์ทั้งสนาม

 จากนั้น ชากิรา นักร้องสาวชาวโคลัมเบีย ออกมาร้องเพลง "วาก้า วาก้า" อย่างสนุกสนาน โดยมีวงดนตรี เฟรชีกราวน์ เล่นเป็นแบ็กอัพ ทำให้ผู้ชมที่อยู่บนอัฒจันทร์ลุกขึ้นเต้นตามไปด้วย พร้อมกับมีการจุดพลุ ต่อด้วยวงเลดีสมิธ แบล็ก แมมบาโซ ที่เป็นนักร้องกลุ่มที่ได้รับรางวัลแกรมมี่ มาร้องเพลงเกี่ยวกับฝนในแอฟริกา พร้อมกับมีฝูงช้าง เดินออกมาดื่มน้ำที่โอเอซิส ซึ่งสร้างด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิก จากนั้นเป็นเล่นเพลงแอฟริกัน ในชื่อของ แอฟริกัน ยูไนเต็ด พร้อมกับการเดินแสดงบนพื้นสนาม พร้อมกับการฉายธงชาติของทีมที่เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้ ปิดท้ายด้วยคำขอบคุณในภาษาต่างๆ

สถิติดัตช์เหนือเล็กน้อย

 ส่วนเกมนัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง "กระทิงดุ" สเปน แชมป์ยูโร 2006 พบ "อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ อดีตแชมป์โลก 2 สมัย ถือเป็นการเดิมพันแชมป์โลกทีมใหม่ โดยสถิติที่พบกันมาของคู่นี้ พบกันมาแล้ว 8 ครั้ง ฮอลแลนด์ผลงานดีกว่าเล็กน้อย จากการชนะมาแล้ว 4 ครั้ง สเปน ชนะ 3 ครั้ง และเสมอกัน 1 ครั้ง แต่จำนวนประตูที่ทำกันได้นั้น เป็นสเปนที่ยิงได้มากกว่า 12 ประตู ขณะที่ฮอลแลนด์ยิง 10 ประตู
 อย่างไรก็ตาม การพบกันของทั้งสองทีมครั้งนี้ถือเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบหลายปี โดยครั้งสุดท้ายที่พบกันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ปี 1983 ในศึกยูโร 84 รอบคัดเลือกที่ฮอลแลนด์ เป็นฝ่ายเฉือนชนะไป 1-0

สเปนใช้ชุดเดิม-"ตอร์เรส"สำรอง

 เกมนี้ บิเซนเต เดล บอสเก กุนซือสเปน ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่น จากเกมรอบรองชนะเลิศแต่อย่างใด ทำให้ เฟอร์นันโด ตอร์เรส หัวหอกตัวเก่งต้องนั่งเป็นตัวสำรอง พร้อมกับอัดกองกลาง 5 คน ทั้ง ซาบี อลอนโซ, เซร์คิโอ บุสเกตส์, ซาบี เอร์นันเดซ, อันเดรส อิเนสตา และ เปโดร โรดิเกซ ส่วนกองหน้าเป็น ดาวิด บีญา หัวหอกที่ซัดไปแล้ว 5 ประตู

ดัตช์ได้ 2 ตัวหลักคืนทัพ

 ฝั่ง เบิร์ต ฟาน มาร์วิค โค้ชฮอลแลนด์ ทำการปรับตำแหน่ง 2 คน เมื่อ 2 นักเตะพ้นโทษกลับมา โดยที่ ไนเจล เดอ ยอง กองกลาง ลงมาแทน เดมี เดอ ซูว์ และ เกรกอรี ฟาน เดอร์ วิล แบ็กขวาลงมาแทน คาลิด บูลาห์รูซ ส่วนตำแหน่งอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลง มาร์ค ฟาน บอมเมล, เดียร์ก เคาท์, อาร์เยน ร็อบเบน และเวสต์ลีส์ สไนจ์เดอร์ ยังผนึกกำลังกันอยู่ในแดนกลาง ให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี เป็นกองหน้าตัวเป้า

เปิดฉากสเปนทักทายก่อน

 เริ่มเกม สเปน เป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่า ในนาทีที่ 5 น่าจะได้ประตูนำอย่างรวดเร็ว จากลูกฟรีคิกทางฝั่งขวา ซาบี เอร์นันเดซ เปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษ เซร์คิโอ รามอส กองหลังพุ่งโหม่ง บอลทำท่าจะเสียบเสาสอง แต่ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก นายทวารดัตช์ พุ่งปัดออกไปได้ ถัดมา 2 นาที เป็นโอกาสของ ฮอลแลนด์ บ้าง เมื่อ เซร์คิโอ บุสเกตส์ จับบอลพลาด เดียร์ก เคาท์ มาแย่งบอลไป ก่อนซัดไกล แต่ลูกไปเข้าซอง อีเคร์ กาซิยาส ผู้รักษาประตูสเปน

 จากนั้นทีมกระทิงดุ ยังครองบอลได้เหนือกว่า มีโอกาสลุ้นประตูอีกถึง 2 หนติด นาที 11 เซร์คิโอ รามอส แบ็กขวาลุยขึ้นสูงก่อนเปิดเรียดแบบได้ลุ้น จอห์นนี ไฮติงกา สกัดบอลข้ามคานแบบมีเสียว จากจังหวะต่อมา ดาวิด บีญา ได้จังหวะวอลเลย์มุมแคบ แต่บอลไปเข้าข้างตาข่าย

เกมหนักใบเหลืองว่อน

 หลังนั้นเกมเริ่มมีการตัดฟาวล์กันบ่อยครั้ง จนฮาเวิร์ด เวบบ์ ผู้ตัดสินต้องควักใบเหลืองมาระงับอารมณ์นักเตะ เริ่มจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ไปเตะใส่ โจน คัปเดบีญา นาที 15 ต่อด้วย คาร์เลส ปูโยล พุ่งเสียบ อาร์เยน ร็อบเบน นาที 17, มาร์ค ฟาน บอมเมล หวด อันเดรส อิเนสตา นาที 22, เซร์คิโอ รามอส พุ่งสไลด์ใส่ เดียร์ก เคาท์ นาที และ ไนเจล เดอ ยอง กระโดดถีบยอดอก ซาบี อลอนโซ ชนิดน่าได้ใบแดง

 มาถึงนาที 35 เกือบเกิดประตูที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นในรอบชิงฟุตบอลโลก เมื่อสเปน ทุ่มบอลให้ ฮอลแลนด์ ทำให้นักเตะดัตช์เตะบอลยาวคืนมาแดนนักเตะกระทิงดุ แต่บอลไปกระดอนพื้นแล้วลอยเข้าหามุมประตู อีเคร์ กาซิยาส ต้องปัดทิ้งออกไป เสียเป็นลูกเตะมุม ทว่าจังหวะต่อมา โรบิน ฟาน เพอร์ซี ก็เตะบอลมาคืนให้กับ กาซิยาส

ร็อบเบนซัดดัตช์เกือบนำ

 จากนั้นเป็น ฮอลแลนด์ ที่เริ่มทำเกมได้มากขึ้น มีโอกาสลุ้นประตูในนาที 37 จากลูกเตะมุม เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ เปิดให้ มาร์ค ฟาน บอมเมล ซัดแป้กบอลมาเข้าทาง ยอริส มาไธจ์เซน กลับยิงไม่โดน เกมผ่านไปถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ฮอลแลนด์ น่าได้ประตู เมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน ใช้จังหวะกระชากบอลจากด้านขวา ก่อนซัดด้วยซ้ายตามถนัด บอลทำท่าจะเสียบโคนเสา แต่ อีเคร์ กาซิยาซ ล้มตัวปัดเอาไว้ได้ หมดครึ่งแรก ยังเสมอ 0-0

คัปเดบีญาได้สับไกแต่ยิงผิด

 เริ่มครึ่งหลังทั้งคู่ยังไม่มีการเปลี่ยนตัว และสเปนเริ่มทักทายก่อนจากลูกเตะมุมฝั่งขวานาที 51 ของซาบี เอร์นันเดซ ที่เปิดบอมบ์มาให้ คาร์เลส ปูโยล เซ็นเตอร์แบ็กที่หนุนเกมขึ้นมาสะบัดหัวโขก ทว่าโดนบางไปบอลหลุดไปทางเสาสอง เข้าทางปืนของ โจน คัปเดบีญา ทว่าแบ็กซ้ายกระทิงดุ ยิงผิดไม่โดนบอลอย่างน่าเสียดาย

ร็อบเบนดวลเดี่ยวกาซิยาส

 ต่อมานาที 62 ทีมดัตช์เป็นฝ่ายเรียกเสียงเชียร์ได้บ้างเมื่อ เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ มิดฟิลด์ตัวรุก จ่ายบอลยาวไปให้ อาร์เยน ร็อบเบน ปีกขวา ทะลุกับดักล้ำหน้าเข้าไปดวลเดี่ยวกับ อิเคร์ กาซิยาส นายทวารสเปน ที่รีบวิ่งออกมาดักทาง และได้ผลเพราะแม้จะพุ่งผิดทางในจังหวะหลอกของ ร็อบเบน ไปแล้ว ทว่ายังใช้ขาปัดบอลไว้ได้ทัน

บีญาส้มหล่น-ตะบันติดบล็อก

 เกมดูเนือยลงไปก่อนที่ ดาวิด บีญา ได้จังหวะโชคเมื่อ จอห์นนี ไฮติงกา เซนเตอร์แบ็กดัตช์ สกัดบอลพลาดบริเวณ 6 หลาในกรอบเขตโทษ ทว่าดาวยิงสแปนิช กลับซัดไปโดน ไฮติงกา ที่ลุกขึ้นมาสกัดไว้ได้ทันนาที 69 ก่อนหมดเวลา 7 นาที ฮอลแลนด์ เกือบได้ประตูขึ้นนำจากลูกยาว อาร์เยน ร็อบเบน ได้บอลหลุดเบียดกับ คาร์เลส ปูโยล ก่อนหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่เสียจังหวะทำให้ อีเคร์ กาซิยาส ออกมาเซฟไว้ได้ ทำให้ ร็อบเบน โวยว่าน่าจะได้ฟาวล์ก่อน จนทำให้โดนใบเหลือง หลังจากนั้นทั้งคู่ทำอะไรกันไม่ได้ จบ 90 นาทีจึงยังเสมอกัน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

ต่อเวลาดัตช์เหลือ10คน

 ช่วงต่อเวลาพิเศษผ่านไป 5 นาที สเปน น่าจะได้ประตูนำ เมื่อ เชส ฟาเบรกาส ตัวสำรองหลุดเดี่ยว แต่ยิงไปติดเซฟนายทวารดัตช์ จากนั้นนาที 100 กระทิงดุมีลุ้นอีกหน จากลูกยิงของ เฆซุส นาบาส แฉลบกองหลังฮอลแลนด์ บอลหลุดเสาไปนิดเดียว จนกระทั่งนาที 110 ฮอลแลนด์ ต้องเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ จอห์นนี ไฮติงกา ไปดึง อันเดรส อิเนสตา หน้ากรอบเขตโทษ รับใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป

อิเนสตาซัลโวสเปนแชมป์โลก

 จนกระทั่งนาที 116 กลายเป็นสเปน ที่มาได้ประตูนำ 1-0 จากจังหวะที่ ฟอร์นันโด ตอร์เรส เปิดบอลจากทางซ้าย กองหลังฮอลแลนด์สกัดมาเข้าทาง เชส ฟาเบรกาส จ่ายให้ อันเดรส อิเนสตา หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนซัดเต็มข้อผ่านมือ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก เข้าประตูไป จากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูกันได้ หมดเวลา สเปน ชนะ 1-0 สร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลกทีมที่ 8 และทีมจากยุโรปทีมแรกที่ได้แชมป์นอกทวีปตัวเอง

"พอล"สุดยอดทายถูกทุกนัด

 จากชัยชนะนัดนี้ของ สเปน ทำให้ "พอล" หมึกยักษ์จอมพยากรณ์ กลายเป็นสุดยอดนักทายผล เมื่อทำนายผลถูกทั้งหมดไล่จาก เยอรมนี ชนะ ออสเตรเลีย 4-0, เยอรมนี แพ้ เซอร์เบีย 0-1, เยอรมนี ชนะ กานา 1-0, เยอรมนี ชนะ อังกฤษ 4-1, เยอรมนี ชนะ อาร์เจนตินา 4-0, เยอรมนี แพ้ สเปน 0-1, เยอรมนี อุรุกวัย 3-2 และ สเปน ชนะ ฮอลแลนด์ 1-0

 ผู้เล่นของทั้งสองทีมดังนี้

 ฮอลแลนด์ - มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก, เกรกอรี ฟาน เดอร์ วิล, จอห์นนี ไฮติงกา, ยอริส มาไธจ์เซน, โจวานนี ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ (เอ็ดสัน บราฟไฮด์ น.104), มาร์ค ฟาน บอมเมล, ไนเจล เดอ ยอง (ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท น.99), เวสลีย์ สไนจ์เดอร์, เดียร์ก เคาท์ (เอลเยโร เอเลีย น.71), อาร์เยน ร็อบเบน, โรบิน ฟาน เพอร์ซี

 สเปน - อีเคร์ กาซิยาส, เซร์คิโอ รามอส, คาร์เลส ปูโยล, เดราร์ด ปิเก, โจน คัปเดบีญา, เซร์คิโอ บุสเกตส์, ซาบี อลอนโซ (เชส ฟาเบรกาส น.87), อันเดรส อิเนสตา, ซาบี เอร์นันเดซ, เปโดร โรดริเกซ (เฆซุส นาบาส น.60), ดาวิด บีญา
 
 ผู้ตัดสิน - โฮเวิร์ด เวบบ์ (อังกฤษ)