วินาศกรรมกับความล้มเหลว | คมชัดลึก

 และไม่ว่าข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มใต้ดินฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลในห้วงยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเป็นข่าวลวงให้รัฐมีความชอบธรรมในการจัดการกับขั้วตรงข้ามหรือไม่ ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงจะเพิกเฉยก็ยิ่งไม่ได้อีก

 เหตุระเบิดที่ทำการพรรคภูมิใจไทยเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวลือหนาหูว่า เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่รัฐบาลจะคงอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาไว้

 แต่ไม่ว่าจะอย่างไรการที่คนร้ายยิงอาร์พีจีถล่มคลังน้ำมันของกรมพลาธิการทหารบกใน จ.นนทบุรี ก็มีนัยสำคัญให้ใคร่ครวญไปถึงคดีบึ้มที่ภูมิใจไทยด้วยเช่นกัน

 ทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ในวันใกล้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยิ่งคดีแรกเป็นที่ชัดเจนว่าอดีตการ์ดเสื้อแดงมีส่วนร่วมในการก่อเหตุด้วย แถมคดียิงถล่มคลังน้ำมันกองทัพก็ใช่ว่า คนทั่วไปจะมีศักยภาพทำได้

 เพราะฉะนั้นคงไม่ผิดถ้ามีคนคิดว่าถ้าไม่ใช่แดงใต้ดินก็เป็นคนของรัฐบาลนั่นแหละทำ ?!!

 ที่ผ่านมาคดีการเมืองมักจะเงียบหายไปพร้อมๆ กับการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลหรือเมื่อเวลาผ่านพ้นไป พอมีเรื่องอื่นเกิดขึ้นใหม่ ผู้คนหลงลืม ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาพเดิม ยกเว้นผลกระทบที่ตามมานั่นต่างหากที่ยังคงอยู่

 การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้ย่อมเป็นผลดีกับฝ่ายรัฐบาล แต่ถ้าโดยภาพรวมของประเทศมันไม่สวยงาม เหมือนกับเป็นการการันตีให้ต่างชาติมองเห็นความรุนแรงที่แฝงตัวอยู่ จะมาลงทุนทำธุรกิจหรือจะมาท่องเที่ยวพักผ่อนดูมันติดขัดไปหมด เพราะมันมีกฎข้อห้ามเยอะแยะหยุมหยิม

 ไหนๆ ทิศทางของประเทศกำลังจะไปได้ดีก็น่าจะลองใช้วิธีอื่นดูหน่อยไหม ตำรวจกว่า 2 แสนนายมีไว้ทำไม เพราะหน้าที่ดูแลความสงบสุขภายในประเทศเป็นของตำรวจไม่ใช่หรือ

 แถมยังมีตัวบทกฎหมายอีกมากมายที่จะใช้บังคับให้คนในสังคมอยู่ภายใต้กรอบกติการ่วมกัน

 หรือว่าวันนี้ในสายตานายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับรองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ไม่มั่นใจตำรวจสักเท่าไร

 ก็เล่นแทรกแซงองค์กรตำรวจ นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ เรื่องตำแหน่ง ผบ.ตร.ที่ควรจะได้ตัวมาตั้งนานแล้วกลับไม่ทำ กลับไปเปิดตำแหน่งใหม่ขึ้นมา โดยไม่สนใจความคิดเห็นและความรู้สึกตำรวจทั่วประเทศ นี่ไงผลกระทบที่กำลังตามมา

 เช่นนี้แล้วจะไปโทษใครได้เล่าก็ทำตัวเองกันทั้งนั้น ?!!

มัธยัสถ์ อินมา
[email protected]