ข่าว

ชมอันซีนเมืองบาดาลสังขละบุรี  ก่อน"วัดวังก์วิเวการาม"จมอีก

ชมอันซีนเมืองบาดาลสังขละบุรี ก่อน"วัดวังก์วิเวการาม"จมอีก

02 ก.ค. 2553

ปีนี้แล้งจัดทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างมาก จนวัดที่เคยจมอยู่ใต้น้ำหรือบาดาล ก็กลับขึ้นมาอยู่เหนือระดับน้ำอีกครั้งหนึ่ง นั่นคือ วัดวังก์วิเวการาม ศูนย์รวมจิตใจของชาว อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ถือสิ่งเป็นหนึ่งที่ดึงดูดใจในการเดินทางครั้งนี้

 เมื่อได้สัมผัสทำให้ได้เห็นพื้นที่รอบๆ ตัววัด ลองใช้จินตนาการถึงเมื่อครั้งวันสำคัญทางศาสนาที่จะมีคนจำนวนมากมาร่วมงาน จะครึกครื้นขนาดไหน

 โอกาสได้เห็นคงมีเฉพาะช่วงนี้ ก่อนที่น้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมอีกครั้งในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งคนที่นี่เองก็บอกว่าปรากฏการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก ตั้งแต่สร้างเขื่อนขึ้นมา ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่ 3 ที่บริมาณน้ำลดลงมากขนาดนี้  

 ทำให้นึกสำนวนสุภาษิตว่า "น้ำลดตอผุด" แต่นี่กลับกลายเป็น วัดวังก์วิเวการาม หลังเก่า ที่เคยจมอยู่ใต้บาดาลโผล่พ้นน้ำขึ้น ถือว่าเป็นอันซีน ของ จ.กาญจนบุรี

 ตำนาน วัดวังก์วิเวการาม หลังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 โดยท่านหลวงพ่ออุตตมะ ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของชาวมอญและชาวกะเหรี่ยง ที่อพยพภัยสงครามจากประเทศพม่า เข้ามาอาศัยอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำซองกาเรีย

 เรือหางยาวของชาวบ้านที่ให้บริการท่องเที่ยวกำลังลากแพลอยน้ำขนาดเล็ก ผ่านตอไม้ที่มีเศษตาข่าย และสายเบ็ดติดอยู่เป็นระยะๆ แสดงถึงปริมาณน้ำที่เคยท่วมสูง ธุรกิจการท่องเที่ยวที่นี่ได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ หลังจากวิกฤติแล้งรุมเร้า กลายเป็นโอกาสทอง นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเที่ยวชมให้รับรู้ต่อสายตาตัวเอง 

 เป็นเวลากว่า 27 ปีแล้วที่ความต้องการจัดการบริหารน้ำ ทำให้มีการสร้างเขื่อน วชิราลงกรณ์ หรือที่รู้จักกันว่า เขื่อนเขาแหลมขึ้น และเมื่อเริ่มการกักเก็บน้ำ ระดับน้ำสูงขึ้นท่วมวัดหลังนี้ท่านหลวงพ่ออุตตมะจึงได้สร้างวัดขึ้นใหม่บนเนินเขาซึ่งไม่ห่างกันมากนักจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งที่ว่าการอำเภอสังขละบุรี ที่ต้องย้ายขึ้นไปอยู่บนที่สูงด้วยเช่นกัน

 หลายปีที่ผ่านมาช่วงที่น้ำมีปริมาณปกตินั้น เมื่อล่องเรือผ่านบริเวณนี้ก็จะเห็นแต่ยอดของหอระฆังเท่านั้นที่โผล่พ้นน้ำ ต้องรอจนถึงหน้าแล้งถึงจะได้มีโอกาสล่องเรือเข้าไปในตัวโบสถ์ได้ ซึ่งเหลือเฉพาะผนังทั้งสี่ด้าน ที่ยังพอมีลวดลายปูนปั้นเหลืออยู่บ้างและซุ้มประตูที่ยังแข็งแรงต้านทานกระแสเชี่ยวกรากของสายน้ำไว้ได้ ส่วนประกอบอื่นๆ ก็เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา

 ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เหมาะมากสำหรับการไปเที่ยวชมเมืองบาดาลที่สังขละบุรี ก่อนเมฆฝนดำทะมึนจะเริ่มก่อตัวอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ เติมปริมาณให้แก่ทะเลสาบท้ายเขื่อน มากพอจนทำให้วัดจมน้ำกลับไปเป็นเมืองบาดาลอีกครั้ง

"กิตตินันท์ รอดสุพรรณ"
[email protected]