
เดอะ คาราเต้ คิด
มีภาพยนตร์ในยุค 1980 เรื่องหนึ่งที่ประทับใจผู้ชมรุ่นนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาเกือบ 30 ปีแล้วก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนั้นคือ เดอะ คาราเต้ คิด ที่แสดงนำโดย ราล์ป แมคชิโอ กับ แพต นอริตะ
นักแสดงเชื้อสายญี่ปุ่นที่เกิดในสหรัฐ ซึ่งคว้ารางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำประเภทนักแสดงสมทบไปครองจากบทคนสวนวัยชราในแคลิฟอร์เนียที่สอนวิชาคาราเต้ให้เด็กชายที่เพิ่งย้ายมาจากรัฐอื่นซึ่งถูกรังแกจากวัยรุ่นเจ้าถิ่น
หากย้อนไปมองโลกเมื่อ 30 ปีที่แล้ว จะเป็นช่วงที่กระแสต่อต้านญี่ปุ่นรุนแรงทั่วโลก คำว่า “ภัยเหลือง” และ “สัตว์เศรษฐกิจ” ถูกนำมาใช้ในการเรียกขานประเทศญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่น ซึ่งขณะนั้นดำเนินนโยบายทางการค้าในเชิงรุกแบบฮาร์ทเซลส์ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ทำให้เกิดความไม่พอใจแก่ประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะประเทศที่ขาดดุลเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น ความรู้สึกดังกล่าวเริ่มต้นในสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่ทำการค้าขายกับญี่ปุ่นในลำดับต้นๆ และปัญหาสำคัญ
ทางการค้าของสหรัฐต่อญี่ปุ่นในตอนนั้นก็คือการที่รถยนต์ญี่ปุ่นซึ่งมีราคาถูกเข้ามาตีตลาดรถยนต์ในอเมริกา สำหรับรัฐบาลสหรัฐแล้วอะไรก็ตามที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ของตนเป็นสิ่งที่ยินยอมไม่ได้และต้องออกโรงปกป้องอย่างเต็มที่ ดังนั้นภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นในทศวรรษนั้นจึงถูกสร้างให้เป็นมหันตภัยหรือสัตว์ร้าย และความคิดนี้ก็แพร่มายังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เมื่อภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ คาราเต้ คิด” ออกฉายในปี 1984 กลับได้รับการต้อนรับจากผู้ชมทั้งในสหรัฐและทั่วโลกเป็นอย่างดี นอกจากความสำเร็จในเรื่องรายได้และรางวัลอันทรงเกียรติแล้ว สิ่งหนึ่งซึ่งตามมาคือความรู้สึกที่ดีขึ้นต่อคนญี่ปุ่น ความสนใจที่จะศึกษาและทำความรู้จักกับประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งประเพณี วัฒนธรรมและปรัชญาของชาวญี่ปุ่น ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือคนอเมริกันมีความเห็นใจคนญี่ปุ่น และสัมผัสความเจ็บปวดของคนญี่ปุ่นในความหายนะที่เกิดขึ้นจากสงครามโลกครั้งที่สอง
ในช่วง “แฮมเบอร์เกอร์ ไครซิส” หรือวิกฤติการณ์ทางการเงินของสหรัฐ ประเทศจีนซึ่งมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสวนทางกับเศรษฐกิจขาลงของสหรัฐได้กลายเป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” ตัวใหม่ในสายตาของรัฐบาลอเมริกัน และสหรัฐพยายามที่จะหาทางเชื่อมโยงจีนกับปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชนและความมั่นคง หรือค่าเงินหยวน เพื่อหาทางชะลออัตราการพุ่งทะยานทางเศรษฐกิจและบทบาทในเวทีโลกของจีน รวมทั้งสร้างทัศนคติที่ไม่ดีต่อจีนในหมู่ชาวอเมริกันและชาวโลก ทำนองเดียวกับที่เคยกระทำต่อญี่ปุ่นในครั้งกระโน้น
ผมไม่แน่ใจว่าเพราะปัญหาลึกๆ ระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับจีนหรือเปล่า เราถึงได้ชมภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ คาราเต้ คิด” กันอีกครั้ง ซึ่งเป็นการร่วมทุนสร้างระหว่างจีนกับฮอลลีวู้ด โดยในฉบับรีเมค ปี 2010 นี้ ย้ายสถานที่จากแคลิฟอร์เนียมาเป็นกรุงปักกิ่ง เปลี่ยนตัวคนสวนชาวญี่ปุ่นเป็นนายช่างจิปาถะชาวจีน และเปลี่ยนการต่อสู้จากคาราเต้มาเป็นกังฟู โดยจับเอานักแสดงที่เป็นขวัญใจคนเอเชียอย่าง เฉิน หลง หรือ แจ็กกี้ ชาน มารับบทเดิมของ แพต นอริตะ และ จาเดน สมิธ ลูกชายของ วิล สมิธ มารับบทเด็กชายไม่เอาไหนที่กลายเป็นแชมป์กังฟู
นอกจากภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนจีนที่มีทั้งแบบโบราณและความทันสมัย ความยิ่งใหญ่ อลังการของสถานที่ต่างๆ อย่างพระราชวังต้องห้าม หรือกำแพงเมืองจีน และทิวทัศน์อันงดงามของเมืองจีนแล้ว สิ่งหนึ่งซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้บอกผ่านคำพูดของตัวละครก็คือ คนจีนรักสงบ และไม่คิดที่จะระรานใคร
หากสารที่ส่งผ่านภาพยนตร์ “เดอะ คาราเต้ คิด” ฉบับ เฉิน หลง-จาเดน สมิธ มีพลังเทียบเท่ากับฉบับแรก บางทีภาพยนตร์เรื่องนี้ก็อาจจะเปลี่ยนทัศนคติของโลกต่อจีนได้เช่นเดียวกัน