
"อาร์พีจี"ถล่มคลังน้ำมันสัญญาณรบปะทุ
นับเป็น 3 ครั้งแล้ว ที่คนร้ายก่อเหตุวินาศกรรมยิงอาร์พีจีไปในสถานที่ราชการของกองทัพ ก่อเหตุวินาศกรรมยิงจรวด อาร์พีจี ถล่มใส่คลังน้ำมันของ กรมพลาธิการทหารบก เมื่อค่ำคืนที่ 27 มิถุนายน
ซึ่งก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะหน่วยข่าวด้านความมั่นคงวิเคราะห์สถานการณ์ให้ที่ประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) รับทราบมาก่อนหน้านี้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการ “ท้าทาย” อำนาจของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ยังครอบคลุมอยู่ในพื้นที่ กทม.และพื้นที่ต่างจังหวัดรวม 24 จังหวัด
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 กระทรวงกลาโหมก็โดนอาร์พีจี แต่ก็สามารถจับกุมคนร้าย และสารภาพว่ากะใช้เครื่องยิงระเบิดอาร์พีจียิงใส่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว แต่เกิดความผิดพลาดไปตกใส่บริเวณกระทรวงกลาโหม มีผู้บาดเจ็บ 1 คน และสายโทรศัพท์ ทรัพย์สินราชการเสียหาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2553 คนร้ายยิงอาร์พีจี 2 ลูก ใส่คลังน้ำมันเครื่องบิน 22 ล้านลิตร ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี
การทำครั้งนี้คนร้ายใช้สถานที่ “กรมพลาธิการทหารบก” การข่าวระบุว่า ไม่ได้เป็นการเจาะจง เพียงแต่คนร้ายต้องการใช้สถานที่ที่เอื้ออำนวยที่จะสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายได้เท่านั้น และประเด็นสำคัญคือยากต่อการไล่ล่าติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่หลังปฏิบัติการ
หลังจากเกิดเหตุการณ์ พล.ท.ทวี แจ่มจำรัส เจ้ากรมพลาธิการทหารบก รายงานให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก รับทราบถึงรายละเอียดในการปฏิบัติการของคนร้าย
ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์สั่งการเป็น “หนังสือเวียน” ไปยังทุกกองทัพภาค ทั้งกองทัพภาคที่ 1,2, 3 และ 4 ให้เข้มงวดในการดูแลสถานที่ตั้งของหน่วยตลอด 24 ชั่วโมง
โดยเฉพาะหน่วยที่ตั้งที่อยู่บริเวณสถานที่ชุมชนแออัด ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะจุดมุ่งหมายสำคัญของคนร้ายน่าจะเลือกสถานที่ที่เป็นแหล่งชุมชน เพื่อป้องกันในการไล่ล่าติดตามการจับกุมของเจ้าหน้าที่ รวมถึงให้ระมัดระวัง “คลังแสง-คลังน้ำมัน” ที่ถือว่าเป็นจุดล่อแหลมที่คนร้ายอาจจะใช้สถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง
เหตุการณ์ยิงจรวด “อาร์พีจี” รุ่น "เจาะเกราะ" ถล่มใส่คลังน้ำมันของ “กรมพลาธิการทหารบก” ที่ตั้งอยู่ที่ถนนสนามบินน้ำ อ.เมือง จ.นนทบุรี คนร้ายยิงเข้าไปโดนถังน้ำมันหมายเลข 6 ที่มีขนาดความจุ 10 ล้านลิตร จากถังน้ำมันทั้งหมด 11 ถัง ที่เรียงรายอยู่บริเวณ “คลังน้ำมันสำรอง” ของกรมพลาธิการทหารบก
คลังดังกล่าวจะเป็นคลังน้ำมันสำรอง หรือคลังน้ำมันที่มีการเบิกจ่ายจากคลังน้ำมันขนาดใหญ่ ก่อนที่จะนำน้ำมันมาพักไว้ยังสถานที่ดังกล่าว โดยคลังน้ำมันสำรองแห่งนี้จะเบิกจ่ายให้แก่หน่วยในพื้นที่ภาคกลาง 26 จังหวัด
คนร้ายยิงอาร์พีจีโดนถังน้ำมันหมายเลข 6 ของกองร้อยพลาธิการส่งกำลังน้ำมัน ขนาด 10 ล้านลิตรซึ่งมีขนาดเท่ากับตึก 3 ชั้น มีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม 2 จุด ได้รับความเสียหายภายนอกเป็นรอยยุบเท่านั้น บริเวณพื้นด้านล่างพบครีบของลูกระเบิดอาร์พีจีตกอยู่ 2 อัน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบ
โชคดีที่ถังน้ำมันหมายเลขดังกล่าวเป็นถังเปล่า ไม่ได้มีน้ำมันบรรจุอยู่ เพราะหากระเบิดขึ้นมาก็จะเกิดความเสียหายร้ายแรง กินบริเวณเป็นวงกว้าง ชุมชนใกล้เคียงที่อยู่ห่างจากคลังน้ำมันไปเพียง 500 เมตร ก็คงจะตกอยู่ในทะเลเพลิง
เพื่อไม่ให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง ในยามนี้ “รัฐบาล-ศอฉ.” ก็มิอาจนิ่งนอนใจ เพราะนั่นอาจจะเป็นการส่งสัญญาณถึง “สงคราม” รอบใหม่ที่กำลังจะปะทุ
ศอฉ.ได้สรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับสั่งกำชับให้ใช้มาตรการ “เข้มข้น” ในการดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ตั้งสำคัญของทางราชการโดยเฉพาะคลังน้ำมันและบ้านพักบุคคลสำคัญ
นั่นคือมาตรการป้องกัน ส่วนมาตรการเชิงรุกนั้น ศอฉ.ยังอุบไต๋ ว่าจะไล่ล่าแก๊งก่อกวนประเทศนี้อย่างไร
ทีมข่าวความมั่นคง