
"หยุดความรุนแรงด้วยกฎหมาย"กับ...พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์
ความวุ่นวายทางการเมืองเริ่มสงบและคลี่คลายไปในทิศทางปรองดองมากขึ้น ทว่าการสืบสวนคดีประดามี หลังควันไฟแห่งความขัดแย้งจางลง ยังคงดำเนินไปอย่างหนักเหนื่อย ท่ามกลางคดีอาชญากรรมรายวันเริ่มผุดขึ้นมาถี่ยิบ
จากนี้ไปจะเป็นบทพิสูจน์ถึงการทำหน้าที่ของตำรวจที่ถูกปรามาสมาตลอด 2 เดือนแห่งการชุมนุมใหญ่ว่าเป็น "ตำรวจมะเขือเทศ" จริงอย่างข้อครหาหรือไม่ ?!!
พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานสืบสวนดำเนินคดีสำคัญต่างๆ หลากหลายมิติ ทั้งคดีอาชญากรรมทั่วไปและคดีอาชญากรรมเฉพาะ เช่น ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ศูนย์ปราบปรามมือปืนรับจ้างและผู้มีอิทธิพล ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนคดีอาชญากรรมรายวัน มีแนวทางรับมืออาชญากรรมภาพรวมเหล่านี้อย่างไร
ถาม : การสืบสวนคดีโจรกรรมรถยนต์ที่เป็นงานหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.สุเมธ : กรุงเทพฯ เป็นแหล่งที่เกิดการโจรกรรมรถยนต์ ทำให้กลุ่มแก๊งขโมยรถยนต์เข้ามาก่อคดีกันมาก มีทั้งรูปแบบส่งไปขายตามชายแดน หรือถอดชิ้นส่วนขายภายในประเทศ ที่ผ่านมาเคยจับกุมทลายโกดังชำแหละรถยนต์ เมื่อขยายผลจึงทราบว่าเป็นรถยนต์ที่โจรกรรมมาจากสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ถาม : ทำไมถึงเกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก
พล.ต.ต.สุเมธ : คนร้ายก่อเหตุได้ง่าย มีช่องโอกาสสูง ข้อมูลที่พบเกิดจากการจอดรถในพื้นที่ไม่ปลอดภัย จอดรถกลางคืนไม่มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่มีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ตลอดจน รปภ.ที่มาคอยตรวจตรายามค่ำคืนไม่มี เปอร์เซ็นต์รถหายเกิดจากกลุ่มนี้มากที่สุด
ถาม : มีข้อแนะนำให้เจ้าของรถอย่างไร
พล.ต.ต.สุเมธ : ต้องจอดรถยนต์ไว้ในบ้าน หันหน้าเข้าตัวบ้าน หากหันหน้าออกนอกบ้านเพื่อความสะดวกเวลาออกนอกบ้าน จะทำให้โจรสะดวกด้วย ขณะเดียวกันก็ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันขโมยประดามีเท่าที่จะมี ดูแลเรื่องแสงสว่าง กล้องวงจรปิด เวลาเอารถไปซ่อมหรือล้างในสถานที่บางแห่ง ต้องคอยระมัดระวังคนร้ายอาจแอบปั๊มกุญแจรถยนต์บนดินน้ำมันแล้วเอาแม่แบบไปทำกุญเจใหม่ก็มี
ถาม : สถิติการโจรกรรมรถยนต์มากขึ้นหรือน้อยลง
พล.ต.ต.สุเมธ : สถิติการโจรกรรมรถยนต์เปรียบเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา คดีโจรกรรมรถยนต์น้อยลง ส่วนหนึ่งเกิดจาก พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร. วางแนวคิดยุทธศาสตร์ให้แต่ละกองบังคับการมีความชำนาญเกี่ยวกับวงจรการโจรกรรมรถยนต์ด้านหนึ่งด้านใดไปเลย เวลาเกิดคดีขึ้นค่อยระดมกำลังมาช่วยคลี่คลายคดีอย่างรวดเร็ว แต่ความรู้สึกของประชาชนอาจมองว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากฐานข้อมูลปริมาณรถเพิ่มมากขึ้นทุกปี แต่ยังควบคุมได้
ถาม : งั้นงานปราบปรามมือปืนรับจ้างและผู้มีอิทธิพลคงเบากว่าการปราบปรามอาชญากรรมรถยนต์?
พล.ต.ต.สุเมธ : ไม่นะ กลุ่มมือปืนรับจ้างมีการเคลื่อนไหนอยู่ตลอด มีการทำงานข้ามพื้นที่ ลงมือในพื้นที่ต่างจังหวัดแล้วเข้ามาหลบซ่อนตัวในกรุงเทพฯ จึงต้องมีภาระในการเฝ้าระวังจับตาบุคคลต้องสงสัยตามบัญชีซุ้มมือปืนอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันหากเกิดคดีขึ้นมาต้องรวบรวมคดีไปสืบหาตามซุ้มมือปืนตามต่างจังหวัด แม้ว่าในพื้นที่ตำรวจนครบาลจะไม่มีซุ้มมือปืนก็ตาม
ถาม : คดีแก๊งโคลัมเบียเป็นผลงานจากศูนย์อาชญากรรมข้ามชาติ มองชาวต่างชาติที่มาก่อคดีในเมืองไทยอย่างไร
พล.ต.ต.สุเมธ : เมืองไทยต้องการเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามา และด้วยความโอบอ้อมอารี ไม่ระแวงคนต่างชาติเหมือนกับบางประเทศ ทำให้คนต่างชาติบางคนเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ก่ออาชญากรรม เช่น แก๊งแขกขาว แก๊งแอฟริกาใต้ แก๊งโคลัมเบีย แถมใช้ภาษาสเปน ซึ่งภาษาอังกฤษก็ยังพอพูดคุยได้ ขอเข้าไปขอตรวจค้นได้ ที่สำคัญเราดูไม่ออกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติคนใดเป็นอาชญากร ไม่มีใครบอกว่าผมเป็นโจรนะ (ฮา)
ถาม : ชาวต่างชาติที่มาก่อคดีในเมืองไทยเก่งกว่าอาชญากรเมืองไทย
พล.ต.ต.สุเมธ : น่าจะมีความชำนาญ เล่ห์กลและวิธีการที่แนบเนียนกว่า เพราะคนไทยมักมองว่าชาวต่างชาติน่าเชื่อถือ บางรายอาจปลอมตัวมาเล่นบทนักธุรกิจกระเป๋าหนัก แต่คนไทยก็หลงเชื่อเพราะความโลภ
ถาม : ถ้างั้นคนไทยต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติกับคนต่างชาติใหม่
พล.ต.ต.สุเมธ : ภาพรวมดีอยู่แล้ว แต่อย่าไว้ใจคนต่างชาติทุกอย่าง อย่าคิดว่าทุกคนเป็นนักท่องเที่ยวผู้น่ารัก ต้องรอบคอบ รู้ทัน ติดตามข่าวสารจากข่าว เวลาทำธุรกิจกับชาวต่างชาติต้องตรวจสอบที่มาที่ไปก่อน
ถาม : การสืบสวนจับกุมคดีลักษณะนี้ยากไหม
พล.ต.ต.สุเมธ : ไม่ง่าย ต้องใช้ความพยายามมาก แต่ก็มีที่จับกุมได้เยอะ ต้องไปเช็กสถิติที่กรมราชทัณฑ์ดู เห็นว่าตั้งเป็นทีมฟุตบอลได้หลายชาติแล้ว (ฮา) แถมมีกองเชียร์อีกต่างหาก
ถาม : ความสำเร็จของการจับกุมแก๊งโคลัมเบียมาจากอะไร
พล.ต.ต.สุเมธ : ความรวดเร็วจากพยานที่เห็นผู้ต้องสงสัย เทคโนโลยีกล้องวงจรปิด และการทำงานของเจ้าหน้าที่สืบสวน
ถาม : ประสบการณ์ทำงานสืบสวนในอดีตกับปัจจุบันต่างกันอย่างไร
พล.ต.ต.สุมเธ : คงเป็นเรื่องเทคโนโลยี แต่ก่อนมีแค่สายลับ ห้องคอมพิวเตอร์ไม่มี ต้องแบกวิทยุสื่อสารคอยฟังข่าวสาร ใช้โทรศัพท์จากตู้หยอดเหรียญสาธารณะ แต่สมัยนั้นคนร้ายก็ไม่มีเทคโนโลยีเหมือนกัน แตกต่างจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยคลี่คลายคดีได้เร็วขึ้น เพียงแต่ตอนนี้เครื่องมือยังไม่เพียงพอต่อคดีต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย ที่กำลังรอผลพิสูจน์วัตถุพยานที่เกิดขึ้นอย่างคราบเลือด คราบเขม่าดินปืน สีของรถยนต์ที่ติดอยู่ ซึ่งศาลจะเชื่อถือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นี้ กรณีจับผู้ต้องหาต้องส่งศาล 48 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้ผลพิสูจน์ เว้นแต่เป็นคดีที่น่าสนใจจะเร่งรัดคิวได้เร็วกว่า หากมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการตรวจพิสูจน์หลักฐานได้รวดเร็ว ประโยชน์จะตกกับประชาชนที่เป็นเหยื่อของอาชญากร
ถาม : ประเมินสถานการณ์ก่ออาชญากรรมช่วงฟุตบอลโลกไว้อย่างไร
พล.ต.ต.สุเมธ : เตรียมรับมืออยู่แล้ว จะเน้นดูแลคดีเกี่ยวกับทรัพย์ เพราะการพนันทำให้เสียเงิน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับทรัพย์เป็นเป้าหมายก่ออาชญากรรม ไม่เว้นแม้แต่คนตำแหน่งดีๆ องค์กรใหญ่ๆ ที่ผ่านมาเคยจับกุมคดียักยอกทรัพย์ไปใช้หนี้พนันบอล ซึ่งเป็นเรื่องที่องค์กรต้องตรวจสอบกันเอง แม้ว่าจะเป็นคนดี เมื่อความจำเป็นบังคับ ได้รับความเดือดร้อน กดดัน อาจกลายเป็นคนไม่ดีได้
ถาม : ภาพรวมการสืบสวนคดีการชุมนุมทางการเมือง
พล.ต.ต.สุเมธ : ภาพรวมคดีเกี่ยวเนื่องความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง มีคนบางกลุ่มที่ใช้อาวุธก่อคดีอาญชากรรม สรุปออกมาว่าคดีเกี่ยวข้องกับระเบิดและการยิงอาวุธสงครามมี 62 คดี จับได้ 6 คดี ออกหมายจับไว้ 3 คดี นอกนั้นอยู่ระหว่างดำเนินคดี
ความผิดข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 160 คดี ผู้ต้องหา 289 ราย คดีลอบวางเพลิง 39 คดี จับได้ 2 คดี ออกหมายจับ 3 คดี นอกนั้นอยู่ระหว่างดำเนินคดี คดีฆ่าและพยายามฆ่า พบศพ 17 คดี ออกหมายจับ 1 คดี ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ คดีเกี่ยวกับทรัพย์ 35 คดี จับได้ 21 คดี ออกหมายจับไว้ 2 คดี และคดีทำร้ายร่างกาย 3 คดี
ส่วนคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวกับความมั่นคงจะเข้าข่ายการทำคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะดำเนินการส่งหลักฐานให้ดีเอสไอ เช่น คดีปราศรัยยุยงปลุกปั่นออกหมายจับ 3 คดี คดียุทธภัณฑ์ทหารจับได้ 1 คดี และชันสูตรศพ 84 คดี คดีต่างๆ ที่เข้าเกณฑ์ดีเอสไอส่งไปแล้ว 100 คดี และคดีบางส่วนกำลังส่งตามไป
ถาม : เป็นครั้งแรกที่ต้องทำคดีจำนวนมากเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง
พล.ต.ต.สุเมธ : ใช่ เหตุการณ์ทางการเมืองมีความรุนแรง รัฐบาลมีนโยบายยับยั้งความรุนแรงด้วยกฎหมาย ไม่เหมือนเมื่อก่อนพอเหตุความวุ่นวายทางการเมืองเลิกแล้วจบกัน แยกย้ายกันด้วยดี ลืมเสียเถิดแล้วเริ่มต้นกันใหม่ แต่คราวนี้ไม่ ใครทำผิดอาญาต้องมาสืบสวนดำเนินคดี
ถาม : รู้สึกอย่างไรต่อการสืบสวนคดีทางการเมืองที่เป็นความหวังของสังคม
พล.ต.ต.สุเมธ : ตำรวจทำตามหน้าที่ เราไม่ได้ปรักปรำยัดเยียดข้อกล่าวหาใคร ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ช่วยเหลือผู้กระทำผิด จึงไม่ลำบากใจอะไร แต่เหนื่อยหน่อย งานเยอะแล้วก็เร่งด่วน !