
'ตกเขียว' ลูกสาวโอเกะ...ขายต่างแดน
ถึงแม้ว่าทารกเพศหญิงวัย 10 วันในอ้อมอกของสาวเวียดนามคนหนึ่ง ที่ยืนรอรถโดยสารอยู่ในสถานีขนส่งหาดใหญ่ จ.สงขลา จะไม่ใช่สัญชาติไทย แต่สาวเวียดนามผู้นี้ก็มีความผิดฐานค้ามนุษย์อยู่ดี เนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ที่มาที่ไปของเด็กได้ ?!!
กรณีนี้ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพราะเป็นการฉายภาพขบวนการลักเด็กข้ามชาติให้ดูเป็นจริงมากกว่าจะมีอยู่แค่ในรายงานขององค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่รัฐของไทยก็ต้องเข้มงวดกวดขันเรื่องนี้อย่างจริงจัง
บ่ายวันที่ 14 มิถุนายน 2553 พลเมืองดีพบเห็นความผิดปกติและพฤติกรรมแปลกๆ ของสาวกลางคนชาวเวียดนามคนหนึ่งอยู่ในสถานีขนส่งหาดใหญ่ จึงโทรศัพท์แจ้ง พ.ต.ท.เอกรัฐ สวนแสน สว.สส.สภ.หาดใหญ่ เดินทางไปตรวจสอบ ทันทีที่เห็นตำรวจเธอแสดงอาการตกใจ พูดจาโวยวายแถมวกวน จึงเชิญตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง "โงะ ที เซิน" วัย 58 ปี สัญชาติเวียดนาม ก็ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับทารกเพศหญิงสายสะดือยังไม่ทันแห้งวัย 10 วันได้ พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาค้ามนุษย์ !?!
"เท่าที่ตรวจสอบทารกเพศหญิงไม่ใช่สัญชาติไทย อาจจะเป็นสัญชาติเวียดนามก็ได้ เพราะกระป๋องนมที่พกติดมาด้วยเป็นภาษาเวียดนาม มีความเป็นไปได้ว่าผู้หญิงคนนี้นำพาทารกไปขายที่มาเลเซีย เพราะโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้มีเบอร์โทรปลายทางเป็นของมาเลเซีย" หนึ่งในชุดสืบสวน กล่าว
ประกอบกับระหว่างการสอบสวนมีโทรศัพท์เข้ามือถือของ "โงะ ที เซิน" เป็นระยะๆ เมื่อสายลับโทรกลับไปก็ได้รับการปฏิเสธที่จะบอกชื่อ ที่อยู่ และพยายามขอสายสาวเวียดนามสอบถามเรื่องเด็กเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า เข้าออกประเทศไทยทางด่านพรมแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อย่างน้อยเดือนละครั้ง ครั้งล่าสุดเข้ามาเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนแล้วมาโผล่ที่หาดใหญ่ ส่วนการเดินทางเข้าออกมาเลเซียนั้น พบว่าเข้าออกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
กรณีของ "โงะ ที เซิน" ไม่ได้เป็นรายแรกและรายเดียว แต่เป็นการตอกย้ำถึงแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติที่มีมาอย่างยาวนาน มีทั้งคนไทย คนจีน และเวียดนาม ร่วมอยู่ในขบวนการและไม่ใช่แค่ขบวนการเดียว !?!
"เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข" หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงาให้ข้อมูลว่า เท่าที่ทำงานมา 6 ปี คดีลักพาตัวมีทั้งหมด 32 เรื่อง ผู้ตกเป็นเหยื่ออายุต่ำสุด 6 เดือน สูงสุด 14 ปี ปัจจัยในการเอาไปเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไปมักถูกนำไปกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ
เอกลักษณ์ ให้ข้อมูลด้วยว่า เมื่อ 2 ปีก่อนมีเด็กวัย 6 เดือนกับ 11 เดือนถูกแก๊งลักเด็กจับไปขายให้ต่างชาติ โดยทำทีเป็นพี่เลี้ยงเด็กและหมอดูเข้าไปในบ้านเป้าหมาย แล้ววางอุบายหลอกล่อว่าเด็กมีเคราะห์ขออุ้มไปทำพิธี พอพ่อแม่ผู้ปกครองหลงเชื่อก็อุ้มเด็กหายไป แต่โชคดีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 รายได้อย่างปลอดภัย
ข้อมูลที่มูลนิธิกระจกเงามีอยู่พบว่า แก๊งซื้อขายเด็กส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้ โดยกลุ่มชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนจะเข้ามาติดต่อขอซื้อทารกเพศหญิงจากหญิงบริการใน อ.สะเดา จ.สงขลา หรือบริเวณด่านนอก โดยติดต่อกับเจ้าของร้านคาราโอเกะหรือแม่เล้า ไม่ได้ติดต่อกับเด็กสาวโดยตรง จากนั้นก็จะให้จับตาดูเด็กสาวที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ถ้ารู้ว่าตั้งครรภ์ก็จะไม่ให้ทำงาน แต่จะเลี้ยงดูอย่างดี พอคลอดเด็กก็เข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์
ด้าน พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัตน์ รอง ผบก.ปคม.ชี้ว่า ช่วงนี้สถานการณ์การลักพาตัวเด็กมีไม่ค่อยเยอะ นานๆ จะเกิดสักครั้งหนึ่ง ส่วนใหญ่มักเกิดตามแนวชายแดนภาคใต้ เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การแก้ไขหรือเฝ้าระวังคงต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคนให้ช่วยเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล แนะนำวิธีสังเกตขบวนการค้ามนุษย์ว่า หากพบเจอเด็กที่ถูกนำมาขอทานหรือใช้แรงงาน แล้วเด็กเล็กๆ นั่งหรือนอนนิ่งเฉยๆ หรือร้องไห้งอแงให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดไปตรวจสอบ เพราะสามัญสำนึกของคนเป็นแม่จะแสดงออกให้รู้ได้ทันที เช่น เด็กที่นอนอยู่เฉยๆ ไม่ขยับเขยื้อนเลยอาจถูกป้อนยานอนหลับได้ หรือเด็กร้องไห้ไม่หยุดทั้งที่อยู่กับพ่อแม่ นั่นคือสิ่งผิดสังเกต
"ธรรมชาติของเด็กจะไม่อยู่เฉย ถ้าหลับตลอดนั่นผิดปกติแล้ว หรือถ้าร้องไห้ไม่หยุด แล้วผู้ใหญ่ที่อยู่ด้วยกลับไม่ทำอะไร หรือปลอบอย่างไรก็ไม่หยุดนี่ก็ผิดปกติ เพราะความผูกพันระหว่างแม่ลูกมีอยู่ แต่เด็กอาจไม่รู้สึกตรงนั้น เพราะนั่นอาจไม่ใช่แม่ของเขาก็ได้" รอง ผบก.ปคม.กล่าวทิ้งท้าย