
ตื่นตัวประกันภัย"ก่อการร้าย"ธุรกิจกุมขมับค่าเบี้ยจ่อขยับขึ้น
สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ลงเอยด้วยความหายนะของภาคธุรกิจจากการถูกเผาทำลายอาคารไปหลายแห่ง จึงทำให้ ธุรกิจประกันวินาศภัย เข้ามามีบทบาทกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ และได้รับผลกระทบในทันที
ค่าเบี้ยภัยก่อการร้ายปรับสูงขึ้น
ชัย โสภณพนิช ประธานคณะผู้บริหารบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทประกันภัยในต่างประเทศชะลอการรับประกันภัยในประเทศไทยบริเวณพื้นที่ที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินและเคอร์ฟิวทั้งในกรุงเทพฯ และอีก 20 จังหวัด เพื่อประเมินความเสียหาย และปรับอัตราเบี้ยประกันภัยก่อการร้ายใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะต้องโดนปรับขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะภัยขนาดใหญ่ ทุนประกัน 500-1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะต้องกระจายความเสี่ยงภัยไปให้บริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศ หรือ รีอินชัวรันส์
อย่างไรก็ตาม ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทรีอินชัวรันส์ได้ปรับขึ้นอัตราเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปกติ โดยปรับจาก 0.2% ของทุนประกัน มาเป็น 1-2% ของทุนประกัน ซึ่งสูงกว่าอัตราเบี้ยประกันอัคคีภัยจาก 2.5 เท่า มาเป็น 7-8 เท่า ส่วนการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยจลาจลใหม่จะเป็นอย่างไร คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 เดือนจากนี้
ด้าน สุพัฒน์ อยู่คงพันธ์ ผู้อำนวยการธุรกิจนายหน้า บริษัทกรุงเทพประกันภัย กล่าวถึงแนวโน้มของประกัยภัยก่อการร้าย โดยคาดว่าจะมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเบี้ยประกันสำหรับลูกค้ารายย่อย บริษัทประกันภัยในประเทศจะรับกันเอง ราคาค่าเบี้ยจะอยู่ที่ 0.2% ของทุนประกัน แต่ต้องมีทุนประกันไม่เกิน 5 ล้านบาท และเป็นการซื้อประกันภัยก่อการร้ายเพิ่มเติมจากประกันอัคคีภัย แต่หากเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ทุนประกันตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป สามารถซื้อเฉพาะประกันภัยก่อการร้ายได้ เพราะในต่างประเทศมีรีอินชัวรันส์ที่รับเฉพาะประกันภัยก่อการร้าย ซึ่งเบี้ยประกันภัยจะค่อนข้างสูง
"จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เราต้องกลับมาทบทวนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความเข้มข้นมากขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะรายย่อย แต่คำถามก็คือว่าประชาชนจะให้ความสนใจเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน หากมีมากพอก็จะทำให้เราสามารถกลับมาทำแคมเปญในระยะยาวอย่างน้อย 5-6 เดือนได้ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะออกมาจะต้องครอบคลุมให้มากกว่าเดิม ที่ผ่านมาเราจะเจอปัญหาการตีความไปคนละแบบ แต่ต่อไปจะต้องดูว่ามีอะไรที่จะสามารถคุ้มครองผู้บริโภคให้มากขึ้น" สุพัฒน์ กล่าว
สุพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนในเรื่องค่าเบี้ยประกันภัยก่อการร้ายต่อไปจะสูงกว่าปกติ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าจะได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน เช่น หากมีการซื้อเข้ามามาก ก็จะส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันลดลงได้ แต่หากไม่มากราคาค่าเบี้ยก็อาจจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไป
เร่งทำความเข้าใจเรื่องประกันภัย
ขณะที่ พุทธิพงษ์ ด่านบุญสุต กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้คนมีความเข้าใจในเรื่องของการคุ้มครองดีขึ้นและหันกลับไปดูกรมธรรม์ของตัวเองที่มีอยู่ว่าให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง และมีการคุ้มครองที่ครอบคลุมถึงภัยอื่นๆ เช่น ภัยก่อการร้าย จลาจล และภัยสงครามแล้วหรือยัง ซึ่งถือเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการตื่นตัวด้วยว่าในพื้นที่ทำเลที่ตนเองทำมาหากินอยู่นั้น อยู่ใกล้กับแหล่งที่มีการชุมนุมหรือไม่ และจำเป็นจะต้องปรับตัวในการซื้อประกันภัยให้มีความครอบคลุมมากขึ้นหรือไม่ สุดท้ายก็คือการที่ได้เห็นบทบาทของภาครัฐและหน่วยงานของภาครัฐ ที่เข้ามาให้ความสำคัญและช่วยเหลือแก่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะรายที่มีประกันภัยแล้วแต่อาจจะไม่ครอบคลุมถึงภัยก่อการร้าย
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบอีกด้านในแง่ของการประกันภัยนั้น ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น บ้านเรามีโอกาสในการรับความเสี่ยงน้อยมาก แต่ขณะนี้มุมมองของตลาดต่างประเทศมองว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาค่อนข้างรุนแรง และจากการพูดคุยกับต่างชาติมา พวกเขาคิดว่าความเสี่ยงในบ้านเรานั้นเปลี่ยนแปลงไปแบบฉับพลันทันใด ผลที่จะตามมาคือการที่ต่างชาติจะรับประกันภัยต่อจะมีความเคร่งครัดมากขึ้น ทั้งในด้านการกำหนดทุนประกัน เงื่อนไขและค่าเบี้ยประกัน
ค่าเบี้ยประกันภัยก่อการร้ายนั้นจะมีอัตราสูงขึ้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้แน่ชัดว่าจะสูงขึ้นเท่าไร เพราะต้องรอบริษัทประเมินทำการประเมินความเสียหายเสียก่อน จากนั้นบริษัทประกันจะนำความเสียหายในอดีตมาคำนวณกับความเสี่ยงและโอกาสที่จะเกิดขึ้น คาดว่าน่าจะได้รู้ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แม้ว่าจะมีกระแสความต้องการประกันภัยก่อการร้ายเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่อยากเห็นให้มีการเรียกร้อง ให้ซื้อประกันภัยก่อการร้ายกันมากเกินไป โดยควรมองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่โอกาสที่จะมาเร่งขายสินค้ากัน เพราะถือว่าเป็นความเสี่ยงของประเทศ และการประกันภัยถือเป็นเรื่องที่ปลายเหตุ ที่สำคัญกว่านั้นคือรัฐบาลควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด จริงจัง และออกมาตรการให้มีความเข้มข้นมากขึ้น
“จากนี้ไปน่าจะเป็นเรื่องของการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ลูกค้ามากกว่า เราจะต้องวิเคราะห์ถึงความจำเป็นที่จะต้องมีประกันภัยก่อการร้ายหรือไม่ ต้องมีกระบวนการอธิบายให้คนทั่วไปเข้าใจถึงเรื่องนี้ ซึ่งจะต้องดูว่าควรซื้อการคุ้มครองอะไรบ้าง มีความจำเป็นในการซื้อมากน้อยเพียงใด หากซื้อเกินความจำเป็น เงินที่จ่ายไปก็จะเสียเปล่า การพิจารณาก็น่าจะดูความเสี่ยงเฉพาะจุด เฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ซึ่งแน่นอนว่าความเสี่ยงจะมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ไม่ได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งกรุงเทพฯ" พุทธิพงษ์ กล่าว
ยันไม่กระทบค่าเบี้ยประกันชีวิต
ด้านธุรกิจประกันชีวิตนั้น สาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวถึงการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมาว่า ความเสียหายส่วนใหญ่จะอยู่ที่อาคาร ห้างร้านต่างๆ ในส่วนของประกันชีวิตนั้นชัดเจนว่าผู้ที่มีกรมธรรม์ประกันชีวิต หากเสียชีวิตจะได้รับการคุ้มครองอยู่แล้วไม่มีการยกเว้น ส่วนเรื่องส่วนควบของกรมธรรม์ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันทุพพลภาพนั้นคงต้องเข้าไปดูในรายละเอียดของแต่ละกรมธรรม์ว่าเป็นอย่างไร เพราะจะไม่เหมือนกัน
กรณีที่ประกันชีวิตจะไม่จ่ายค่าสินไหมจะมี 2 กรณี คือ ผู้เอาประกันฆ่าตัวตาย แต่จะมีระยะเวลาที่แต่ละบริษัทกำหนดไว้ และอีกกรณีคือการปกปิดข้อมูลตอนทำสัญญาประกันชีวิต ซึ่งหากปกปิดข้อมูลและเมื่อตรวจสอบพบว่ามีการปกปิด บริษัทประกันก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหม
ในส่วนของอัตราค่าเบี้ยประกันชีวิตนั้น โดยหลักการประกันชีวิตแล้ว การคิดอัตราค่าเบี้ยประกันชีวิตต้องมีการเก็บสถิติข้อมูลต่างๆ เช่น อายุ ความยั่งยืนของประชาชนเป็นสิบปี ต้องพิจารณาตารางมรณะ ซึ่งที่ผ่านมาต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี และต้องผ่านการพิจารณาและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ทุกครั้ง เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้แม้จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้บริษัทประกันชีวิตปรับขึ้นอัตราค่าเบี้ยประกันได้
ประเด็นตอนนี้คือ สมาคมประกันชีวิตไทยได้ให้บริษัทสมาชิกเน้นเรื่องการบริการให้แก่ลูกค้าอย่างเต็มที่ ซึ่งปกติแล้วบริษัทประกันชีวิตก็จะติดต่อไปยังผู้รับผลประโยชน์อยู่แล้ว และนับตั้งแต่มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา บริษัทประกันชีวิตก็จ่ายค่าสินไหมอยู่แล้วหากตรวจสอบพบว่าผู้เอาประกันได้เสียชีวิต