ข่าว

บทเรียนจากการรบ

บทเรียนจากการรบ

07 มิ.ย. 2553

ในการสงคราม ทุกกองทัพในโลกล้วนมี “หลักการสงคราม-Principle of War” ไว้เป็นเข็มทิศชี้นำ กองทัพไทยยึดถือแนวทางของกองทัพสหรัฐซึ่งมี 9 ประการ ที่เริ่มด้วย “หลักความมุ่งหมาย” อย่างไรก็ตามเมื่อสงครามเย็นสิ้นสุด โลกก็ได้เผชิญกับ “สงคราม”

ในรูปแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงต้องมีการทบทวนตำรารบกันยกใหญ่ และเรียก “สงคราม” แบบใหม่นี้ว่า “การปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือการสงคราม-Military Operations Other Than War“

 การใช้กำลังทางทหารเข้าแก้ไขปัญหาที่เพิ่งสิ้นสุดลงไปในบ้านเราจัดว่าเป็น “การปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือการสงคราม” ชนิดหนึ่ง จึงขอนำ “หลักการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือการสงคราม” ของสหรัฐมาเสนอเพื่อเป็นแนวทางจัดทำ “บทเรียนจากการรบ-Lessons Learn” ที่ทหารจะทำขึ้นทุกครั้งเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ดังนี้

 1.หลักความมุ่งหมาย (Objective) หลักความมุ่งหมายนี้เหมือนกับหลักความมุ่งหมายในหลักการสงคราม เพราะการปฏิบัติการทางทหารใดๆ ทั้งเพื่อการรบหรือไม่ใช่การรบ ต่างก็มีความจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนแน่นอน และที่สำคัญจะต้องสามารถปฏิบัติได้

 2.หลักความอุตสาหะ (Perseverance) หลักการนี้เป็นเรื่องของการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับความยืดเยื้อและยาวนานของการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือการสงคราม เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ในระดับยุทธศาสตร์ เพราะการเข้าปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือการสงครามอาจต้องเผชิญกับความคลุมเครือของรากเหง้าของปัญหา ส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการแก้ปัญหา กำลังที่เข้าปฏิบัติจะต้องใช้ความอดทน ถ้ากำลังที่เข้าปฏิบัติไม่ใช้ความอุตสาหะแล้ว อาจจะเป็นการสร้างความขัดแย้งมากขึ้น และในที่สุดก็ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมืองระยะยาวหรือวัตถุประสงค์สูงสุด

 3.หลักความชอบธรรม (Legitimacy) การปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือการสงครามจะต้องได้รับความชอบธรรมทั้งทางด้านกฎหมาย ความชอบธรรมจากประชาชนของตน และความชอบธรรมจากนานาชาติ เพราะความชอบธรรมเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่ทำให้เกิดความมั่นใจว่า ปฏิบัติการนั้นๆ มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ อีกทั้งมีความยุติธรรมในการแก้ปัญหา โดยกำลังที่เข้าปฏิบัติการจะต้องมีการกำหนดข้อจำกัดด้วย กฎการปะทะ (Rule of Engagement) และสถานะของกองกำลังจากผู้ที่เกี่ยวข้องหรือประเทศคู่พิพาท

 4.หลักความอดกลั้น (Restraint) การใช้กำลังในการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือการสงครามจะต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม รอบคอบ เพราะการดำเนินการที่ผิดพลาดย่อมจะส่งผลให้ความซับซ้อนของปัญหาเพิ่มมากขึ้น อันอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นจากเดิม โดยการใช้กำลังในระดับที่ไม่เหมาะสมอาจถือเป็นการยั่วยุและท้าทายฝ่ายต่างๆ เพราะฉะนั้น กำลังที่เข้าปฏิบัติการจึงถูกจำกัดด้วยกฎการปะทะ อย่างไรก็ตาม ในกฎการปะทะยังให้สิทธิกองกำลังในการป้องกันตนเองเมื่อถูกโจมตี

 5.หลักเอกภาพในการปฏิบัติ (Unity of Effort) การปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือการสงครามมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการให้เกิดเอกภาพในการปฏิบัติของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะในการปฏิบัติการจะประกอบไปด้วยหน่วยงานหลากหลายนอกเหนือจากกองกำลังทหาร โดยที่หน่วยงานแต่ละหน่วยงานจะมีวัตถุประสงค์ ค่านิยม ภารกิจ พันธกิจและวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างกัน การจะปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือการสงครามให้ประสบความสำเร็จได้ก็ต้องเกิดการยอมรับร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นเอกภาพในการปฏิบัติที่มุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายร่วมกัน

 6.หลักการรักษาความปลอดภัย (Security) ถึงแม้ว่าการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือการสงครามเป็นการปฏิบัติที่มีข้อจำกัดในการใช้กำลัง แต่ความปลอดภัยของกองกำลังเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำรงอยู่ตลอดเวลาเพื่อลดการคุกคามจากกลุ่มที่มีข้อพิพาทขัดแย้งกัน หลักการนี้ครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองพลเรือน องค์กรเอกชน และหน่วยงานของรัฐด้วย

 ข้อมูลทั้งหมด ขอขอบคุณเว็บไซต์ “TORTAHARN.NET” ที่คอยุทธศาสตร์ควรเข้าไปเยี่ยมชม

พลเอก บัญชร ชวาลศิลป์