
ป่าไม้ฟ้องทางหลวงตัดไม้เขาใหญ่ก่อภาวะโลกร้อน
กรมป่าไม้ ลุยฟ้องกรมทางหลวง ข้อหาตัดไม้ก่อภาวะโลกร้อน เข้าตรวจสอบไม้ท่อนที่ถูกตัดออกแนวไหล่ถนน ยังอยู่ครบ เตรียมตีตราไม้ให้อ.อ.ป.นำไปใช้ประโยชน์ ผู้ว่าฯโคราชไม่หวั่นถูกดำเนินคดีกรณีตัดต้นไม้ขยายช่องทางจราจรขึ้นเขาใหญ่พร้อมให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้ ชี้เป็นบท
(2มิ.ย.) กรณีที่กรมทางหลวงกระทรวงคมนาคม ได้ขยายถนนสาย 2090 หรือถนนธนะรัชต์ ซึ่งเป็นเขตรอยต่ออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระยะทาง 10 กิโลเมตร จาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร โดยได้ตัดต้นไม้เพื่อขยายไหล่ทางออกไปถึง 128 ต้น นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว . ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้แสดงความไม่พอใจกรณีที่มีการตัดอุโมงค์ต้นไม้ทิ้งไปกว่า 1 กิโลเมตร ตรงบริเวณกิโลเมตรที่ 9 ถึง กิโลเมตรที่ 10 โดยบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อันซีนไทยแลนด์ด้วย จึงได้สั่งชะลอการสร้างถนนออกไปก่อน เพราะพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นของกรมป่าไม้ ทั้งนี้ถือว่ากรมทางหลวงทำผิดข้อตกลง คือตัดต้นไม้เกิน 20 ต้นนั้น และกรมป่าไม้ยังไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่
นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรณีนี้ตนไม่เห็นประโยชน์อะไร ไม่ว่าจะตัดถนนกี่เลนก็ตาม สุดท้ายเมื่อเข้าเขตอุทยานเขาใหญ่ ก็จะเหลือเพียง 2 เลนเท่าเดิม และกรมอุทยาน ก็ไม่สามารถอนุญาตให้ขยายถนนในพื้นที่อุทยาน อยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ทำไปจึงไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งสิ่งที่หน่วยงานราชการทำไปมักจะอ้างความต้องการของประชาชนในพื้นที่ทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมป่าไม้ที่รับผิดชอบพื้นที่ที่มีการตัดถนน ก็ควรจะมีความรอบคอบในการพิจารณาและตรวจสอบทุกฝ่ายที่เข้าไปดำเนินการด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เชื่อว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ผู้ใหญ่ในกระทรวงต้องรู้ แต่ทำเป็นละเลยไม่ใส่ใจมากกว่า ถ้าไม่มีคนภายนอกรู้เห็นหรือพบว่าผิดข้อกฎหมายใด ก็ให้ทำกันไปได้เรื่อยๆ
นายนิรศ กล่าวว่า พื้นที่เขาใหญ่ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมัก จะมีปัญหาและเกิดความหละหลวมในการบริหารจัดการพื้นที่มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการสร้างเขื่อน หรือ การตัดถนนในพื้นที่ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเป็นมรดกโลกได้ ถ้าหากกระทรวงทรัพยากรฯ ไม่ออกมาปกป้อง บริหารจัดการอย่างไม่มีทิศทาง ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เลย เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่กระทรวงคมนาคมและกระทรวงทรัพยากรฯ จะต้องเรียนรู้ร่วมกันและต้องมีแนวทางเพื่อแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่สำคัญคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณฯ ก็ต้องเข้มงวดในการใช้งบประมาณด้วยว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ” นายนริศ ระบุ
“ ที่ผ่านมากรมป่าไม้และกรมทางหลวงมีข้อตกลงกันในเรื่องการใช้พื้นที่ อย่างไรก็ตามข้อตกลงใดๆ จะขัดต่อกฎหมายไม่ได้ ซึ่งจากกรณีดังกล่าวสิ่งที่เป็นปัญหาคือ การขอตัดต้นไม้ในกรณีไม้มีค่าหายาก ว่าสามารถตัดได้หรือไม่และจำนวนเท่าใด และการขอใช้พื้นที่ในกรณีที่เกินจากแนวเขตทางหลวง ที่ต้องตรวจสอบให้แน่ชัด สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นตนเห็นว่ากรมทางหลวงมีความผิดที่แน่นอนในเรื่องการขออนุญาตตัดต้นไม้ ที่ตัดเกินกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเรื่องนี้สามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับกรณีที่เกิดในพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้ ที่กรมอุทยานแห่งสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรฯ ฟ้องร้องทางแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายจากชาวบ้านใน จ.ตรัง พัทลุง และกระบี่ ที่อาศัยในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาปู่เขาย่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบันทัด และอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา จ.กระบี่ ฐานบุกรุกทำลายป่าทำให้โลกร้อน และศาลได้มีคำสั่งให้ชาวบ้านชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งคิดว่าหน่วยงานราชการคือกรมป่าไม้ก็สามารถเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งจากกรมทางหลวงได้เช่นกัน
ด้านนายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ว่าให้ไปดูรายละ เอียดทั้งหมด และในส่วนที่ได้รับความเสียหายก็ให้ดำเนินการฟ้องทางแพ่งและทางอาญาได้ทันที โดยจะไม่มีสองมาตรฐาน หากชาวบ้านที่เคยโดนข้อหาบุกรุกที่ดินรัฐอย่างไร ราชการก็จะโดนข้อหาเดียวกัน เช่น หากพื้นที่ป่าเสียหายไปเท่าไหร่ ต้นไม้หายไปกี่ต้นก็จะคำนวณค่าเสียหายตามที่กรมป่าไม้ กับกรมอุทยานฯเคยใช้สูตรคิดเดียวกับชาวบ้านในเขตเทือกเขาบันทัด ยืนยันว่ากรมป่าไม้ จะดำเนินการอย่างเต็มที่จนถึงที่สุด
ด้านนายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ก่อนที่กรมทางหลวงจะทำการปรับไหล่ทางถนน ได้ขออนุญาติขอทำไม้ออกจากพื้นที่ในช่วงพ.ย. 52 และสำนักฯได้เข้าไปสำรวจต้นไม้ในเดือนธ.ค. 52 มีต้นไม้รวม 128 ต้นแบ่งเป็นไม้สัก 8 ต้น ไม้มะค่าโมง ไม้พะยูง ไม้สะเดา และได้รายงานบัญชีต้นไม้ในแนวเขตขยายถนนให้กรมป่าไม้ เมื่อเดือนม.ค. 53 แต่ยังไม่ได้ตอบกลับไป กรมทางหลวง ก็เข้าไปปรับไถทางเสียก่อน เนื่องจากใช้ข้อตกลงที่เคยทำไว้เมื่อปี 2511 ที่สามารถดำเนินการไปก่อนที่จะมีหนังสืออนุญาตออกมาได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข่าวออกมาแล้วทางสำนักฯได้เข้าตรวจสอบท่อนไม้ ที่ถูกตัดออกและนำไปเก็บไว้ที่ปางช้างใกล้ๆ เพื่อทำการตีตราไม้และจ่ายค่าภาคหลวงให้รัฐ พบว่ามีไม้ท่อนขนาดความยาว 3-5 เมตรประมาณ 200 ท่อน
“ ยืนยันว่าไม้ที่ถูกตัดออกไปทั้ง 128 ต้นได้ถูกนำไปกองรวมคละกันทั้งหมด และอยู่ในขั้นตอนการตีตราไม้ จากสำนักป่าไม้ โดยทางองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เป็นหน่วยงานที่ได้รับสิทธิ์ในไม้ดังกล่าวนี้ และยังไม่สามารถขนย้ายออกไปไหนได้จนกว่าจะมีการตีตราแล้วเสร็จ ดังนั้นข่าวที่บอกว่าไม้ที่ถูกตัดหายไปนั้นจึงมีความคลาดเคลื่อน ” นายสุเทพ กล่าว
ผวจ.ไม่หวั่นถูกดำเนินคดีกรณีตัดไม้เขาใหญ่
นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในเรื่องที่มีการตัดต้นไมเพื่อขยายช่องทางการจราจรถนนธนะรัชต์ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ว่าในขณะนี้โครงการขยายช่องทางจราจรก็ได้เริ่มยุติแล้ว เพราะการก่อสร้างก็มีอยู่แค่นี้ โครงการก็จะไม่มีการดำเนินการที่ลึกเข้าไปกว่านี้แล้ว แต่หากมีแผนที่จะทำการขยายถนนเพิ่มอีกจะต้องนำกรณีนี้ไปเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ที่ทุกฝ่ายจะต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ ส่วนต้นไม้ที่ตัดไปแล้วนั้นก็จะต้องมีการดำเนินการตามกฎระเบียบของกรมป่าไม้ที่มีบัญชีต้นไม้เหล่านี้อยู่แล้ว ซึ่งทางองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ หรือออป.จะนำไปเสียค่าภาคหลวงตามระเบียบของกรมป่าไม้ที่จะต้องดำเนินการต่อไป
กรณีที่เกิดขึ้นส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ประกอบด้วย กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมทางหลวง ได้ประชุมร่วมกันแล้วมีมติร่วมกันว่ากรมทางหลวงจะต้องดำเนินการปลูกต้นไม้จำนวน 2 พันต้นทดแทนต้นที่ถูกตัดไป ในบริเวณ 2 ข้างทางที่มีการขยายช่องทางการจราจร และกรมอุทยานแห่งชาติฯจะมีการประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดรายละเอียดของพันธุ์และขนาดของต้นไม้ที่จะมาปลูกทดแทน และอนาคตต่อไปกรมทางหลวงจะต้องเป็นฝ่ายที่มาปรับภูมิทัศน์เพื่อให้เข้ากับพื้นที่ จึงเป็นที่ตกลงกันได้เรียบร้อย
นายประจักษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่จะมีการแจ้งความเอาผิดกับทางจังหวัดนครราชสีมา ที่เป็นผู้ยื่นเรื่องเสนอขอให้ทางกรมป่าไม้มารื้อถอนต้นไม้ข้างทางออกไป แต่ในขณะที่กรมป่าไม้ยังไม่ได้อนุญาตกลับมีการตัดต้นไม้ไปก่อนนั้น ทางจังหวัดนครราชสีมาสามารถชี้แจงทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้สาธารณชนเข้าใจได้ และพร้อมให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากทางจังหวัดนครราชสีมาได้ทำการตรวจสอบเอกสารและข้อมูลต่างๆ ซึ่งในทุกขั้นตอนทางจังหวัดได้ปฎิบัติตามขั้นตอนของกฏหมายอย่างถูกต้องพร้อมทั้งมีเอกสารที่มีลายลักอักษรอยู่ด้วยไม่ได้เป็นกังวลในเรื่องนี้แต่อย่างใด
"สำหรับการเยียวยาพื้นที่ต้นไม้ที่ถูกตัดไปนั้นทางจังหวัดนครราชสีมาได้มอบหมายให้ นายกิตติพงศ์ ตั้งอมรสถิตย์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆทั้งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กรมป่าไม้ และกรมทางหลวงเพื่อร่วมกันวางแนวทางในการฟื้นฟูธรรมชาติเส้นทางดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากจะมีการขยายเส้นทางถนนธนะรัชต์เข้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ต่อไปอีกคงต้องใช้ความละเอียดอ่อนและใช้ข้อมูลมากกว่านี้ ซึ่งก็ต้องเป็นไปตามสถานการณ์ในอนาคตและต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย"นายประจักษ์ กล่าว