ข่าว

สหพัฒน์ลุยงานแฟร์หั่นราคา70%ขนสินค้าดึงนักช็อป-คาด4วันสะพัดกว่า100ล้าน

สหพัฒน์ลุยงานแฟร์หั่นราคา70%ขนสินค้าดึงนักช็อป-คาด4วันสะพัดกว่า100ล้าน

01 มิ.ย. 2553

สหพัฒน์เดินหน้าจัดงานแฟร์ครั้งที่ 14 กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย นำสินค้าลดราคา 50-70% กว่าพันรายการเอาใจนักช็อป คาดเงินสะพัด 4 วันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท รับช่วง 2 เดือนของการชุมนุมยอดขายหด 10% ด้านไลอ้อนสวนทาง 5 เดือนโต 16% ทุ่มขยายโรงงานเพิ่ม

 นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ป แฟร์ ครั้งที่ 14 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1-4 กรกฎาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่าแนวคิดของการจัดงานในปีนี้คือ "คนดี สินค้าดี สังคมดี ไทยแลนด์เบสท์" เนื่องปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาและความยากลำบากทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง จึงต้องการสร้างบรรยากาศที่ดีและทำให้ความสุขกลับคืนมาอีกครั้งด้วยการนำสินค้าคุณภาพดีมาลดราคา 50-70% จากบริษัทในเครือกว่า 100 บริษัท ประมาณ 1,000 รายการมาจำหน่าย

 “มองว่าการจัดงานครั้งนี้จะมีประชาชนมาเลือกซื้อสินค้ามากกว่าปีก่อนๆ หลายแสนคน เนื่องจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีการอั้นการจับจ่ายใช้สอยจากสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ และน่าจะมีเงินสะพัดมากกว่า 100 ล้านบาท สินค้าไฮไลท์ในงานจะเน้นสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ และเน้นดูแลรักษาสุขภาพ” นายบุญเกียรติ กล่าวและว่า สหพัฒน์และกรมการส่งเสริมการส่งออกยังได้เชิญคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศมาร่วมชมงาน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาการค้าและทำธุรกิจร่วมกันในอนาคต

 นายบุญเกียรติ ยอมรับว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายของสหพัฒน์ชะลอตัวลงไปบ้างประมาณ 10% จากเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง โดยเฉพาะที่มีสาขาห้างร้านในย่านราชประสงค์ แต่ยังเชื่อมั่นว่าหลังเหตุการณ์สงบ ความเชื่อมั่นและบรรยากาศจับจ่ายใช้สอย นักท่องเที่ยว และการลงทุนจะกลับมาโดยเร็ว ส่งผลให้ยอดขายของเครือสหกรุ๊ปทั้งในและต่างประเทศปีนี้เติบโตได้ 10% จากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 1 แสนล้านบาท

 นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท และตลาดสินค้าอุปโภคและบริโภค ที่ยังสามารถเติบโตได้ในระดับที่ดี โดยยอดขายของบริษัทในช่วง 5 เดือน(ม.ค.-พ.ค.2553) ทำได้กว่า 4,000 ล้านบาท เติบโต 16-17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายสิ้นปีได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 1 หมื่นล้านบาท

 "บริษัทยังเดินหน้าแผนการลงทุนเดิม พร้อมทั้งเพิ่มเม็ดเงินในการขยายกำลังผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก และผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล ในโรงงานที่ศรีราชา เป็นวงเงิน 700 ล้านบาท จากงบลงทุนเดิม 500 ล้านบาท นอกจากรองรับความต้องการตลาดในประเทศที่เพิ่มขึ้นแล้ว ก็เพื่อขยายตลาดส่งออกที่ขยายตัวอย่างมาก จากการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟตา" นายบุญฤทธิ์กล่าว และว่า นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการทำตลาดเชิงรุกแบรนด์ “ซื่อสัตย์” มากขึ้น หลังจากที่บริษัทได้นำมาทำตลาดใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างจิตสำนึกคุณธรรมมากขึ้น