จับหนุ่มคู่ขาฆ่าโหดหมกศพสาวใหญ่ในม่านรูด | คมชัดลึก

 สาวใหญ่ถูกคู่ขาใช้ไม้หวดศีรษะจนเสียชีวิตคาโรงแรมม่านรูด เปิดเผยเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 พฤษภาคม ร.ต.ท.ธีรวุฒิ นกยูงทอง ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ รับแจ้งเหตุหญิงสาวถูกฆ่าตายในห้องพักโรงแรมเฟิร์ส อินน์ ถนนรังสิโยทัย (สายนครสวรรค์-พิษณุโลก) หมู่ 10 ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จึงรุดไปตรวจสอบ พบศพหญิงสาวนอนตะแคงซ้ายอยู่บนเตียง ร่างกายท่อนล่างเปลือย ท่อนบนสวมเสื้อยืดลายขวางสีขาว-ดำ สวมเสื้อคลุมแขนสั้นสีม่วงทับ

 สภาพศพที่ศีรษะด้านขวามีแผลคล้ายถูกของแข็งตีกะโหลกแตกละเอียด เป็นแผลกว้าง 5 ซม. ศีรษะด้านหลังบริเวณท้ายทอยมีรอยแผลถูกแทงด้วยของมีคม 5 แผล ใต้ใบหูด้านซ้ายมีรอยแผลแตกยาว 2 ซม. แผ่นหลังมีรอยเขียวช้ำคล้ายถูกทุบด้วยของแข็ง 2 รอย ที่ขาขวามีรอยถูกทุบด้วยของแข็งคล้ายค้อน เป็นรอยเขียวช้ำรูปทรงกลม 1 รอย ฝ่ามือด้านขวามีรอยแผลคล้ายถูกยิงด้วยอาวุธปืนทะลุ นอกจากนี้ยังพบว่ามือซ้ายของผู้ตายมีถุงยางอนามัยที่แกะซอง แต่ยังไม่ได้ใช้ 1 อัน ตรวจสอบร่างกายพบน้ำอสุจิในช่องคลอด 

 เบื้องต้นทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นางอัมพร อายุ 40 ปี พนักงานทำความสะอาดของบริษัทแห่งหนึ่ง จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนหน้านี้พนักงานทำความสะอาดเข้าไปทำความสะอาดห้องพักในช่วงบ่าย และพบศพหญิงสาวอยู่ในห้องพัก จากการตรวจสอบรายงานการเข้าพักทราบว่า ก่อนหน้านี้มีชายไม่ทราบชื่อคนหนึ่ง อายุ 30-35 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ ทะเบียน ขพค 289 นครสวรรค์ เข้ามาเปิดห้องพักดังกล่าว เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 28  พฤษภาคม ต่อมาเวลาประมาณ 13.30 น. ผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์ ทะเบียน ขพฉ 795 นครสวรรค์ ตามเข้ามาที่ห้องพักดังกล่าว

 ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายทศพล ทองแจ่มใส อายุ 45 ปี ขณะเดินอยู่ในตลาดนัดคลองถม อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว จากการตรวจค้นบ้านพักของนายทศพล เจ้าหน้าที่พบเสื้อยืดคอกลมสีฟ้า กางเกงยีนขายาวมีรอยคราบเลือดติดอยู่

 จากการสอบสวนเบื้องต้น นายทศพลให้การรับสารภาพว่า มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับผู้ตายมานานกว่า 4 เดือนแล้ว และเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ได้นัดพบกันที่โรงแรมที่เกิดเหตุ หลังจากมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ตนได้ทวงเงินที่ผู้ตายขอยืมไปจำนวน 5,000 บาท ทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง โดยผู้ตายได้ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ระหว่างทางผู้ตายได้โทรศัพท์มาด่าอีก จึงจอดรถแล้วโต้เถียงกัน และได้ขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับไปที่ห้องพักอีกครั้ง พร้อมกับนำท่อนไม้ยูคาลิปตัสไปด้วย

 นายทศพลให้การต่อว่า เมื่อเข้าไปในห้องพัก ผู้ตายก็ยังด่าทอตนอีก ด้วยความโมโหจึงหยิบท่อนไม้หวดเข้าที่ศีรษะผู้ตายจนล้มหงายท้อง แล้วหวดซ้ำอย่างแรงอีกหลายครั้งจนเสียชีวิต หลังจากนั้นได้นำผ้าปูที่นอนมาคลุมศพไว้ก่อนหลบหนีกลับไปบ้านใน อ.ชุมแสง

 หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายทศพลไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังโรงแรมที่เกิดเหตุ

 อีกราย เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ต.ต.ไพจิต โคตรก่ำ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.สวนพริกไทย จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่หอพักแก้วกมล เลขที่ 60 หมู่ 3 ต.บ้านกระแชง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ว่า พบผู้เสียชีวิตในห้องน้ำภายในห้องพักที่ 408 จึงเดินทางไปตรวจสอบ

 ที่เกิดเป็นบ้านเช่าชั้นเดียว ห้องที่ 408 ประตูหน้าห้องล็อกด้วยกุญแจ เจ้าหน้าที่ช่วยกันตัดออก พบข้าวของเครื่องใช้ยังอยู่ครบ แต่มีกลิ่นเหม็นโชยออกมาจากในห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบผ้าสีดำห่อร่างผู้ตายมีคราบเลือดและมีเลือดเต็มห้องน้ำ จากการตรวจสอบไม่พบบาดแผล แต่มีเลือดไหลออกจากจมูก และขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อผู้ตาย

 จากการสอบสวนนายสัญญา ประชาบาล อายุ 28 ปี ผู้เช่าที่พักอยู่ห้องที่ 207 อยู่ตรงข้ามห้องเกิดเหตุ ให้การว่า ห้องดังกล่าวเป็นของนายบุญรวม ประชาบาล อายุ 30 ปี พี่ชาย มีอาชีพขายของเบ็ดเตล็ดตามตลาดนัดต่างๆ ก่อนหน้านี้พี่ชายโทรศัพท์มาบอกว่าได้ฆ่าภรรยาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก่อนจะนำศพทิ้งไว้ในห้องน้ำ ส่วนสาเหตุมาจากปัญหาหึงหวง เนื่องจากภรรยาออกไปเที่ยวร้องเพลงกลับบ้านดึก ทำให้มีปากเสียงเป็นประจำ จึงเกิดการทุบตี แต่ลงมือรุนแรงทำให้ภรรยาเสียชีวิต

 วันเดียวกันที่ จ.นนทบุรี ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุ มีผู้พบศพเป็นชายถูกทิ้งในป่าหญ้าข้างหมู่บ้านเอื้ออาทร โครงการ 1 ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.นนทบุรี ไปตรวจสอบพบศพชายอายุประมาณ 35 ปี นอนคว่ำหน้า มีเศษผ้ามัดข้อมือไขว้หลัง เท้าถูกมัดด้วยเศษผ้า ศีรษะและท้ายทอยถูกตีด้วยของแข็งไม่ทราบชนิดเป็นแผลยาว ตรวจสอบไม่พบหลักฐานว่าเป็นใคร

 จากการสอบสวนชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงยืนยันว่า ไม่เคยพบเห็นชายคนดังกล่าวมาก่อน จึงเชื่อว่าไม่ใช่คนในพื้นที่ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะถูกฆ่าจากที่อื่น ก่อนจะนำศพมาโยนมาทิ้งในพงหญ้า ส่วนคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เพราะรู้เส้นทางเป็นอย่างดี