ข่าว

วาณิช จรุงกิจอนันต์...

วาณิช จรุงกิจอนันต์...

29 พ.ค. 2553

ในหนังสือเรื่องสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) มีประโยคขึ้นต้นเอาไว้เป็นความว่า เดิมแผ่นดิน เมืองจีนทั้งปวงนั้น เป็นสุขมาช้านานแล้วก็เป็นศึก ครั้นศึกสงบแล้วก็เป็นสุข

 ผมก็หวังว่าเมืองไทยของเรา ต่อจากนี้ไปหลังศึกสงบแล้วก็คงจะเป็นสุขกันไปอีกช้านาน

 เพื่อนผมคนหนึ่งซึ่งเป็นนักเขียนได้ล่วงลับไปในขณะที่กรุงเทพฯ กำลังเกิดศึกสงครามเมื่อวันนี้สงบแล้ว ผมขอเขียนถึงเพื่อนคนนี้สักครั้งเพื่อเป็นการรำลึกถึง วาณิช จรุงกิจอนันต์ ผู้จากไปในวันที่ 16 พฤษภาคม ที่เพิ่งจะผ่านมา

 วาณิช จรุงกิจอนันต์ เป็นนักเขียนผู้มีความสามารถมากคนหนึ่ง ผลงานของเขาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้น นวนิยาย กลอน กวี บทวิจารณ์ สารคดี ฯลฯ ล้วนเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผู้อ่านทั่วไป นอกเหนือไปจากการเป็นคอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้วย

 สำหรับเพื่อนๆ วาณิช เป็นคนคุยสนุก และมีความรอบรู้จึงมีเสน่ห์และเป็นที่รักของเพื่อน ร้องเพลงก็เก่ง ทั้งเพลงลูกทุ่งและเพลงพื้นบ้านอย่างเพลงฉ่อย เพลงอีแซว ว่ากลอนสดก็ด้นแข่งกับใครก็ได้ทั้งคืน ไม่มีแพ้ ผมได้เห็นได้ฟังมาแล้วหลายครั้งครา

 เราร่วมวงกันมาตั้งแต่ครั้งที่บ้านเมืองของเรายังเป็นสุขสงบอยู่ ช้านานมาแล้วเช่นกันครับ

 วาณิช มีผลงานนวนิยายที่โด่งดังอย่าง “แม่เบี้ย” ที่ได้ถูกนำไปสร้างเป็นทั้งภาพยนตร์และละคร โทรทัศน์ แต่สำหรับผมแล้วอยากแนะนำผู้ที่จะเป็นนักเขียนเรื่องสั้นให้ไปอ่าน “ซอยเดียวกัน” ที่เขาได้ รางวัลซีไรต์ ปี 2527 โดยเฉพาะเรื่อง ผาติกรรม ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องสั้นไทยที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของประเทศ

 ผมกับวาณิชในระยะหลังนี้เป็นเพื่อนกันประเภทว่า 5 หรือ 10 ปี จะได้เจอกันครั้งหนึ่ง แต่ผมก็ นึกถึงเขาอยู่เสมอ โดยเฉพาะการอ่านงานเขียนของเขาอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งเขาหยุดพักและได้ข่าวล่าสุด ว่าล้มป่วย

 การสูญเสียวาณิช จรุงกิจอนันต์ จึงนับเป็นการสูญเสียเพชรอีกเม็ดหนึ่งสำหรับวงการวรรณกรรมไทย

 ขอให้หลับสบายและจงไปสู่สัมปรายภพอันเป็นสุขเถิด-เพื่อน...
 ถึงเจ้าจะเป็นลูกของพ่อแม่  ก็จริงแหล่แต่ชาติสำคัญกว่า
 ทางที่ถูกเจ้าเป็นลูกอยุธยา  ก็ดีกว่าพ่อแม่มาแต่ไร
 เจ้าอาจเสียพ่อแม่ในวันหน้า  แต่จะเสียอยุธยาหาได้ไม่
 เพราะฉะนั้นจงรู้จักรักเมืองไทย รักษาไว้ให้อยู่คู่ฟ้าดิน

 บทกลอนข้างบนนี้ แต่งโดย พ.อ.ม.ร.ว.เล็ก งอนรถ เตือนให้คนไทยได้มีจิตสำนึกคำนึงถึง เรื่องส่วนรวมมากกว่าเรื่องส่วนตัว จึงขอนำมาลงไว้ให้เป็นข้อคิดเตือนใจกันครับ ไม่ว่าจะฝ่ายไหน