
เดือด! "บอย ท่าพระจันทร์" VS "โอ๊ต บางแพ" เหรียญหลวงปู่ทวด เลื่อนสมณศักดิ์ปี 08
วงการเซียนพระเดือด! "บอย ท่าพระจันทร์" VS "โอ๊ต บางแพ" ดราม่า พระแท้ คนเก๊ เหรียญหลงปู่ทวด เลื่อนสมณศักดิ์ปี 08 เนื้อทองคำ
เดือดกันทั้งรายการ ล่าสุดโหนกระแส ดึงเซียนพระชื่อดัง "บอย ท่าพระจันทร์" และ "โอ๊ต บางแพ" พิพาทเกี่ยวกับความแท้ของ "เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 เนื้อทองคำ" ซึ่งเป็นหนึ่งในพระเครื่องที่มีมูลค่าสูงและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อ บอย ท่าพระจันทร์ เช่าซื้อเหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 เนื้อทองคำ ที่ระบุว่าเป็น "บล็อกไม่ผ่าปาก" มาในราคาสูง และได้นำเสนอผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตนเอง ยืนยันว่าเป็นพระแท้ดูง่ายตามมาตรฐานสากลที่วงการยอมรับ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงการพระเครื่องอย่างกว้างขวาง
สำหรับประวัติของเหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 จัดสร้างขึ้นโดยวัดช้างให้ จ.ปัตตานี ในวาระที่ พระครูวิสัยโศภณ (ทิม ธมฺมธโร) เจ้าอาวาสวัดช้างให้ในขณะนั้น ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ฝ่ายวิปัสสนา
เหรียญรุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักสะสม เนื่องจากมีความเชื่อว่ามีพุทธคุณโดดเด่นในด้านเมตตามหานิยม ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง เหรียญรุ่นนี้มีการจัดสร้างหลายเนื้อ เช่น เนื้อทองคำ, เนื้อเงิน, เนื้อทองแดงรมดำ และเนื้ออัลปาก้า โดยเฉพาะเนื้อทองคำนั้นมีการระบุว่าสร้างในจำนวนที่น้อยมาก ไม่เกิน 20 เหรียญ
ทำให้เป็นที่ต้องการและมีมูลค่าสูงอย่างมหาศาล ประเด็นที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันคือ "บล็อก" หรือแม่พิมพ์ที่ใช้ในการปั๊มเหรียญ ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกัน และเป็นที่มาของข้อพิพาทในครั้งนี้
บอย ท่าพระจันทร์ อธิบายถึงที่มาที่ไปของเหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 เนื้อทองคำเหรียญที่เป็นประเด็นอย่างละเอียด เพื่อยืนยันความโปร่งใสและหลักการในการพิจารณาของตนเอง
โดยมีคนกลางซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการพระเครื่อง ได้นำเหรียญทองคำเหรียญนี้มาเสนอขายให้ โดยเปิดราคาครั้งแรกไว้ที่ 10 ล้านบาท บอยไม่ตกลงที่ราคานี้ แม้จะอยากได้เหรียญนี้มาก แต่คิดว่าราคา 10 ล้านแพงเกินไป
ต่อมา บอยโทรไปถามเจ้าของเดิม ทราบว่าเขาขายต่อคนอื่นไปแล้ว บอยติดตามไปจนเจอว่าเหรียญไปอยู่ที่ไหน ก่อนเจรจาต่อรองราคา สุดท้ายจึงสามารถตกลงจบการซื้อขายกันได้ที่ราคา 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ และทำการเช่าบูชามาอย่างถูกต้อง
หลักการในการพิจารณาความแท้ของเหรียญ บอย ท่าพระจันทร์ อธิบายว่า ตนเองมีเหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 "บล็อกไม่ผ่าปาก" ที่เป็น เนื้ออัลปาก้า อยู่ในครอบครองก่อนแล้ว ซึ่งเหรียญเนื้ออัลปาก้านี้เป็นเหรียญที่วงการยอมรับว่าเป็นของแท้แบบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เมื่อได้เหรียญเนื้อทองคำที่เป็นประเด็นมา เขาจึงใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการเปรียบเทียบ โดยหัวใจของการดูคือ "ตัวตัด" หรือร่องรอยการตัดที่ขอบของเหรียญ
บอยอธิบายเพิ่มเติมว่า ในกระบวนการผลิตเหรียญพระสมัยก่อน เมื่อปั๊มเหรียญเสร็จแล้ว จะต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "ตัวตัด" ในการตัดเหรียญออกจากแผ่นโลหะ ซึ่งตัวตัดนี้จะทิ้งร่องรอยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ที่ขอบเหรียญ เปรียบเสมือน "ลายนิ้วมือ" ของแม่พิมพ์ตัวตัดนั้นๆ
ดังนั้น เหรียญที่ถูกผลิตจากบล็อกเดียวกันและใช้ตัวตัดเดียวกัน จะต้องมีร่องรอยที่ขอบเหรียญเหมือนกันทุกประการ เขาจึงได้นำเหรียญทองคำเจ้าปัญหา มาส่องเปรียบเทียบกับเหรียญเนื้ออัลปาก้าที่แท้แน่นอนของเขา และพบว่าร่องรอยการตัดที่ขอบของเหรียญทั้งสองตรงกันสนิท ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนสำหรับเขาว่า เหรียญทั้งสองนี้ถูกผลิตขึ้นจากเครื่องมือชุดเดียวกันในวาระเดียวกันอย่างแน่นอน จึงเป็นที่มาของความมั่นใจว่าเหรียญทองคำเหรียญนี้เป็นของแท้ 100%
ต่อมา โอ๊ต บางแพ เซียนพระอีกรายที่มีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามจำนวนมาก ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านผ่านไลฟ์สดและโพสต์บนโซเชียลมีเดีย โดยยืนยันว่าเหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นดังกล่าวที่เป็นเนื้อทองคำนั้น จากข้อมูลเท่าที่เคยมีมาในวงการ จะมีเฉพาะ "บล็อกผ่าปาก" เท่านั้น
ส่วน "บล็อกไม่ผ่าปาก" ที่เป็นเนื้อทองคำนั้นไม่มีอยู่ในสารบบการสร้างของวัดช้างให้ และไม่เคยมีการเล่นหากันเป็นมาตรฐานสากลมาก่อน โอ๊ต บางแพ ตั้งข้อสังเกตว่าเหรียญที่บอย ท่าพระจันทร์ได้มานั้น อาจเป็น "พระถอดพิมพ์" หรือเหรียญที่ทำขึ้นมาใหม่โดยไม่มีอยู่จริงในประวัติการสร้าง ทำให้ความน่าเชื่อถือของเหรียญนี้เป็นที่น่ากังขา
โอ๊ต บางแพ ยืนยันว่า เหรียญหลวงปู่ทวด ปี 08 บล็อกไม่ผ่าปากนั้น มี "ตัวตัด" ที่วงการยอมรับอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น คือตัวตัดที่ใช้กับเหรียญเนื้ออัลปาก้า พร้อมกับ "ฟันธง" ในรายการเลยว่า เหรียญทองคำของบอย ท่าพระจันทร์ เป็นคนละตัวตัดกับเหรียญรุ่นปี 08 ที่เป็นมาตรฐานอย่างแน่นอน
และเพื่อแสดงความมั่นใจในจุดยืนของตนเอง โอ๊ตได้ประกาศท้าทายกลางรายการว่า หากมีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนออกมาว่าเหรียญทองคำของบอยมาจากตัวตัดเดียวกันกับเหรียญเนื้ออัลปาก้าจริง ตนจะขอยกกล้องส่องพระคู่กายให้กับ อ.รักษ์ ศรีเกตุ และจะขอ "เลิกเล่นพระ" ทันที ซึ่งถือเป็นการเดิมพันด้วยอาชีพและเกียรติภูมิทั้งหมดของตนเอง
โอ๊ต บอกอีกว่า วิธีการดูเหรียญพระเก๊อีกคือ ต้องคิดถึงกระบวนการผลิต คือมันต้องเอาเหรียญแท้ ไปแกะพิมพ์ โดยปั๊มลงไปกับแม่พิมพ์ซิลิโคน ซึ่งสิ่งที่จะไม่มีทางทำให้เหมือนได้เลยคือ ตรงห่วงเหรียญด้านบน ถ้าเป็นพระแท้ มันจะเป็นการตอกลงไปที่เหรียญให้เกิดรู หลังหูจะเรียบ ไม่มีร่องรอย
แต่เหรียญเก๊ที่ไปผ่านการแกะพิมพ์มา เวลาถอดพิมพ์มันจะติดหูเดิมของเหรียญแท้มา เวลาแกะออกจากพิมพ์ จะมีร่องรอยการถอดพิมพ์ที่หูแบบเลี่ยงไม่ได้ และตัวตัดของเหรียญเก๊ ด้วยความที่มันไม่ใช่ตัวตัดตัวเดิม มันจึงไม่มีทางที่จะได้เส้นรอบวงเดิมเป๊ะๆ ทำให้ติดรอยจากเหรียญต้นแบบมาด้วยเสมอ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ "รอยปลิ้นข้าง" ที่เกิดขึ้นเวลาที่ใช้ตัวตัด เมื่อใช้ตัวตัดไปเรื่อยๆ ช่องว่างมันจะหลวมเองตามธรรมชาติ ทำให้เวลาตัด จะเหลือช่องว่างระหว่างตัวตัดกับเนื้อแผ่นเหรียญ พอใช้แรงกดลงไป มันจะมีรอยปลิ้นข้าง
เพราะฉะนั้น การจะพิสูจน์ว่าเหรียญทองเจ้าปัญหาของบอย เป็นเหรียญแท้หรือเก๊ ต้องดูว่า รอยปลิ้นข้าง มันเป็นการปลิ้นจากธรรมชาติที่ถูกกด หรือเป็นรอยปลิ้นจากเหรียญต้นแบบ ที่เอาไปแกะพิมพ์ แล้วมันติดมา
โอ๊ต ให้ความเห็นว่า ประเด็นสำคัญมากๆ ที่ตนตั้งข้อสังเกตกับเหรียญทองของบอย คือ ทำไมเหรียญนี้มันบาง ทั้งที่อัลปาก้าทุกเหรียญมันหนา หรือแม้แต่เหรียญทองผ่าปาก ที่หายากมากๆ ตนก็ไม่เคยเห็นของจริง แต่เคยเห็นขอบมาหมดแล้ว และมั่นใจมากว่าเหรียญที่อยู่ในมือบอย ไม่ใช่เหรียญแท้แน่นอน และวัฒนธรรมในการการันตีว่าพระไหน เก๊หรือแท้ ขึ้นอยู่กับการใช้พรรคพวกมาการันตี มันถูกต้องหรือ
แต่บอยท่าพระจันทร์ บอกว่า วันนี้ไม่ต้องการเสียเวลามานั่งอธิบายเรื่องพระแท้ ให้คนเล่นพระเก๊ฟัง ตนได้อธิบายเรื่องแท้อย่างไรไปในตอนต้นแล้ว ดูรอยตัดอย่างไร ต่อให้มีคนบอกว่าเก๊ แต่ถ้าคุณมีแบบที่ตนโชว์ ตนจะรับเช่าทุกเหรียญ เหรียญละ 5 ล้านบาท
สุดท้าย โอ๊ต บางแพ บอกว่า สิทธิ์ในการเช่าพระ ถ้าใครอยากจะรับเช่าเท่าไหร่ ก็เป็นสิทธิ์ของคนๆ นั้น แต่เวลาจะขาย ขอให้ชัดเจน เวลาจะขายออกมา ขอให้ชัดเจนแค่นั้นเอง จะเช่าแท้เช่าเก๊ เงินเขา เรื่องของเขา
สิ่งที่ตนอยากจะบอก วันนี้กลุ่มคนเล่นพระ ร้านพระเครื่อง โดนพระเก๊กันมากขึ้น หลายร้านโดนกัน ไม่ขายก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเผลอขายไปแล้ว เขาเอาไปแขวนแล้วรถชนตายล่ะ แขวนแล้วโดนยิงตายล่ะ พระเครื่องไม่ใช่แค่จของที่ซื้อขายได้ พระเครื่องเป็นสิ่งที่มีพระพุทธคุณ และคนที่ซื้อ เขาต้องการแค่พระแท้
ขอบคุณรายการโหนกระแส