ข่าว

ชวรัตน์ชี้ย้าย4ผู้ว่าฯเป็นการลงโทษตามคำมั่นสัญญา

ชวรัตน์ชี้ย้าย4ผู้ว่าฯเป็นการลงโทษตามคำมั่นสัญญา

25 พ.ค. 2553

"ชวรัตน์” มท.1 ชี้โยกย้าย “4 ผวจ.” เซ่นศาลากลางโดนเผา ถือเป็นการลงโทษตามคำมั่นสัญญา ผู้ว่าฯมุกดาหารเปิดใจยอมรับคำสั่งย้ายเมื่อรักษาศาลากลางไม่ได้ก็ยินดีไป ผู้ว่าฯมุกดาหารไม่ขอพูดหลังโดนคำสั่งย้ายเข้ากทม.รับมีข่าวเตรียมวางเพลิง ผู้ว่าฯน่าน สั่งการ 15 นายอ

 (25พ.ค.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งโยกย้าย 4 ผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่ถูกเผาศาลากลางจังหวัดในช่วงการชุมนุมเสื้อแดง เข้ามาช่วยราชการที่กระทรวงว่า เป็นการลงโทษที่ไม่สามารถทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ก่อนมาดำรงตำแหน่งว่าต้องรักษาจังหวัดของตนเอง เรื่องดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นเรื่องรุนแรง เพราะมีการโยกย้ายครั้งใหม่ ก็อาจย้ายกลับมาจังหวัดเดิมหรือย้ายไปที่จังหวัดอื่นก็ได้ อย่างไรก็ตามในอนาคตหากมีเรื่องความรุนแรงเกิดขึ้นในจังหวัดอื่น แล้วผู้ว่าราชการจังหวัดไม่สามารถรักษาจังหวัดตัวเองได้ ก็มีโทษเช่นเดียวกัน

 “ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีศิลปะในการควบคุมประชาชน ถ้ารักษาจังหวัดไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ไม่สามารถอยู่ในจังหวัดนั้นได้ เพราะการเผาศาลากลางจังหวัดถือเป็นเรื่องที่ฉกรรจ์มาก ต้องทำตามคำมั่นไม่เช่นนั้นก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์” นายชวรัตน์ กล่าว

 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า สำหรับผู้ว่าฯ 4 จังหวัด ประกอบด้วย นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.อุดรฯ นายปราโมทย์ สัจจะรักษ์ ผวจ.ขอนแก่น นายชวน ศิรินันท์พร ผวจ.อุบลฯ และนายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผวจ.มุกดาหาร เข้ามาช่วยราชการสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย

 ขณะที่ ผู้ที่จะไปรักษาการแทน ประกอบด้วย 1.นายวิรัตน์ ลิ้มสุวรรณ รองผวจ.อุดรฯ รักษาการ ผวจ.อุดรฯ 2.นายพายัพ ชาญประเสริฐ รองผวจ.ขอนแก่น รักษาการ ผวจ.ขอนแก่น 3.นายวิชิต ชาตไพสิฐ รักษาราชการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงกระทรวงมหาดไทย ไปรักษาการ ผวจ.อุบลฯ และ 4.นายชาญวิทย์ วสยางกูร รักษาราชการที่ปรึกษาด้านการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ ไปรักษาการผวจ.มุกดาหาร มีผลตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.2553 เป็นต้นไป

ผู้ว่าฯมุกดาหารเปิดใจยอมรับคำสั่งย้ายเมื่อรักษาศาลากลางไม่ได้ก็ยินดีไป

  นายบุญส่ง เตชะมณีสถิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เชิญสื่อมวลชนทุกแขนงในจังหวัดมุกดาหารร่วมเปิดใจและแถลงถึงผลการดำเนินงานภายหลังจากเกิดเหตุเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหารโดยกลุ่มคนเสื้อแดง และหลังจากรับทราบคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่กรุงเทพฯ

  ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารกล่าวว่าเรื่องสำคัญที่อยากจะชี้แจงต่อสื่อมวลชนและขอความร่วมมือก็ภายหลังจากเกิดเหตุเผาศาลากลางจังหวัดแล้วมีสื่อมวลชนบางคนนำเสนอข่าวที่ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงกล่าวคือในการเกิดเหตุเมื่อวันที่ 19 พ.ค.นั้นข่าวบอกว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ศพ แล้วผู้ว่าราชการจังหวัดนำศพไปซ่อนไว้ที่โรงพยาบาลและมีการแพร่ข่าวสะพัดออกไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆที่ข้อเท็จจริงมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียง 1 คน เท่านั้น และผู้สื่อข่าวก็อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยไม่ทราบว่าข่าวที่เป็นเท็จนี้ออกไปได้อย่างไร

 "ข่าวที่ว่านี้ได้ไปเพิ่มความเคียดแค้นชิงชังให้กับประชาชนมากขึ้นจนมีบางคนหรือบางกลุ่มมีความพยายาม ที่จะก่อหวอด เผาทำลาย ก่อวินาศกรรมโดยกล่าวกันว่า ถ้าทหารกลับไปจะเผาสถานที่ราชการอีก ทั้งนี้ทางจังหวัดมุกดาหาร ได้ส่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดไปออกรายการวิทยุเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดแต่ข้อมูลนี้ยังไม่เข้าถึงประชาชนอยู่ดี และพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงก็ไม่เปิดใจรับข้อมูลที่ถูกต้องนี้ด้วยจึงขอวอนสื่อมวลชนทุกแขนงได้ร่วมขยายข้อมูลที่ถูกต้องนี้ออกไป"นายบุญส่ง บอกและว่า

 ในการดำเนินการภายหลังจากมีการเผาศาลากลางจังหวัดไปแล้วในด้านการดำเนินคดี ศอฉ.จังหวัดมุกดาหาร ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารวมแล้ว 22 คน ในจำนวนนี้มีแกนนำจำนวน 6 คนนอกนั้นเป็นผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งก็มีอัตราโทษไม่ลดหย่อนไปกว่าแกนนำและยังได้ออกหมายจับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเรามีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น โดยศอฉ.มุกดาหารมีการประชุมกันทุกวัน

   ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวอีกว่า ขณะนี้บ้านเมืองมุกดาหารบอบช้ำมาก เปรียบเสมือนคนที่กำลังยืนร้องไห้ที่คนมุกดาหารทำร้ายบ้านตัวเองซึ่งสาเหตุของการก่อเหตุก็สุดจะเดาได้ว่ามาจากอะไรอาจจะเป็นจากฟังข้อมูลด้านเดียว เกิดจากการมอมเมา อาจจะเกิดการดื่มสุราขาดสติ และอีกหลาย ๆ สาเหตุที่จะเดาได้ และมันก็เกิดเหตุไปแล้ววันนี้ทุกฝ่ายต้องก้าวข้ามสิ่งเลวร้ายเหล่านี้แล้วหันหน้ามาสร้างบ้านของเราขึ้นมาใหม่เรามาร่วมมือกันแก้ไขสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาเปลี่ยนสิ่งที่มันแตกต่างทางความคิดให้มันลดลง

 "ตอนนี้ผมได้เร่งออกไปพบผู้นำในพื้นที่ต่าง ๆเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วเพื่อหวังจะให้ทุกคนก้าวข้ามสิ่งที่เลวร้ายไปให้ได้ และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ผมได้ถูกผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่กรุงเทพ ก็ยอมรับว่าผมบกพร่องเพราะไม่สามารถรักษาสถานที่ราชการให้อยู่รอดปลอดภัยได้แต่ในฐานะผู้นำต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ยอมรับคำสั่งนี้ส่วนความเสียหายที่เกิดจากการก่อการจลาจลนั้นแยกเป็นศาลากลางจังหวัดหลังเก่าเฉพาะตัวอาคาร มูลค่าความเสียหายประมาณ 80 ล้านบาท วัสดุครุภัณฑ์ประมาณ 16 ล้านบาท และที่ศากลางจังหวัดหลังใหม่เสียหายประมาณ  4 ล้านบาทซึ่งส่วนราชการที่ได้รับความเสียหายได้จัดหาที่ทำการชั่วคราวและเริ่มดำเนินการตั้งแต่เช้าวันจันทร์ที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว."ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าว

ผู้ว่าฯมุกดาหารไม่ขอพูดหลังโดนคำสั่งย้ายเข้ากทม.รับมีข่าวเตรียมวางเพลิง
 
 นายบุญส่ง  เตชะมณีสถิตย์   ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร  เปิดเผยว่า    ตามที่กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้ตนพร้อมกับผู้ว่าราชการในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีก 3 จังหวัด เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฯ พร้อมที่จะดำ  เนินการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ในฐานะอดีตผู้ว่าฯสิ่งที่อยากจะฝากถึงประชาชน นับจากนี้ไปก็คืออยากให้ประชาชน
ช่วยเหลือสอดส่องดูแล และให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่หากพบว่าความเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้น เป็นภัยต่อความมั่นคง

 สำหรับการเอาผิดกับผู้ที่ก่อเหตุวางเพลิงศาลากลางจังหวัด มีด้วยกันรวม 22 คนมีที่ถูกจับกุม 6 คน   ออกหมายจับไปแล้ว 10 คน ซึ่งพยายามที่จะเร่งรัดให้มีการออกหมายจับเพิ่ม  นายบุญส่ง  กล่าวว่า ที่สำคัญขณะนี้มีกลุ่มคนไปปล่อยข่าวต่างๆหลังที่ทหารกลับแล้วจะไปเผาสถานที่ราชการที่ใดที่หนึ่งเพื่อให้เกิดความเสียหายหลังหลังจากผมไปช่วยราชการที่กรุงเทพฯ   ซึ่งได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มการเฝ้าระวังแล้ว

รักษาการผู้ว่าฯขอนแก่นพร้อมลุยแจงมวลชน

 นายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าราชการ จ.ขอนแก่น ซึ่งได้รับการแต่งตั้งรักษาการแทนผู้ว่าฯ เปิดเผยว่า การทำงานที่ผ่านมา ทั้งผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ ทั้ง 3 คนก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นผู้ที่มีแนวความคิดกว้างไกล ทำงานในเชิงบูรณาการ และยึดผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก แต่การบริหารภายใต้ภาวะที่มีข้อจำกัด ทำให้ไม่สามารถทำได้เต็มที่มากนัก

 เมื่อถามถึงสาเหตุที่ผู้ว่าฯ ขอนแก่นโดนย้ายเข้ากระทรวงฯเป็นเพราะไม่มีคำสั่งเด็ดขาดในการจัดการม็อบที่บุกเผาศาลากลางและสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีขอนแก่นหรือไม่ เรื่องนี้ นายพยัต กล่าวว่า อันที่จริงจังหวัดมีการวางแผนและวางกำลังไว้อย่างชัดเจน และสั่งการให้มีการสลายมวลชน 7 ขั้นตอนตามหลักสากล แต่ที่เราใช้ก็คือเจรจาทำความเข้าใจ แต่ปรากฎว่าผู้กระทำเป็นมวลชนจากที่อื่น มีการวางแผนที่จะกระทำโดยตรงอยู่แล้ว และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

 "จากนี้ต่อไป เราคงจะต้องทำใน 3 เรื่อง ประการแรก คือ การป้องกันการก่อวินาศกรรมในสถานที่ราชการต่างๆ เพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น โดยเฉพาะสถานศึกษา ประการที่ 2 ทำความเข้าใจกับมวลชนในพื้นที่รวมทั้งแกนนำ นปช. และประการสุดท้าย คือการฟื้นฟูเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมในพื้นที่ รวมทั้งกลุ่ม นปช.ที่ไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ จำนวน 178 คน ซึ่งบาดเจ็บและป่วย แต่ไม่รวมกรณีที่ไปบุกรุกบ้าน ส.ส.ประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ "นายพยัต กล่าว

 ส่วนกรณีการบุกเผาศาลากลางและเอ็นบีทีขอนแก่นนั้น นายพยัต กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับมอบไปดำเนินคดี ส่วนการขยายเวลาเคอร์ฟิวต่ออีก 7 วันนั้น ก็ถือว่าเป็นการปรับสภาพบ้านเมืองที่กำลังร้อนระอุให้อยู่ในภาวะปกติ ป้องปรามมิให้มีการก่อเหตุ และเป็นการแยกประชาชนออกจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่อาจก่อความไม่สงบในพื้นที่

 ด้านแหล่งข่าวคนใกล้ชิดผู้ว่าราชการ จ.ขอนแก่น วิเคราะห์ว่า คำสั่งย้ายผู้ว่าราชการ 4 จังหวัดในภาคอีสาน หากวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งจะเห็นว่า ใน จ.ขอนแก่น และอุดรธานี เป็นการตั้งรองผู้ว่าฯ ขึ้นมารักษาการแทน ซึ่งโอกาสที่จะให้ผู้ว่าฯที่ย้ายไปกลับมาเป็นผู้ว่าฯอีกครั้ง มีความเป็นไปได้สูง ขณะที่อีก 2 จังหวัดเป็นการแต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้ามารักษาการแทน คือ จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีการแต่งตั้ง นายวิชิต ชาติไพสิฐ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่น เป็นรักษาการผู้ว่าฯ อุบลราชธานี แทนนายชวน ศิรินันท์พร และ จ.มุกดาหาร มีการแต่งตั้ง นายชาญวิทย์ วสยางกูร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารราชการจังหวัดแบบบูรณาการ เป็นรักษาการผู้ว่าฯ มุกดาหาร แทน นายบุญส่ง เตชะมณีสถิต

ผู้ว่าฯน่านสั่ง15นายอำเภอทำแผนเผชิญเหตุไฟไหม้

 นายวีรวิทย์ วิวัฒนวานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เปิดเผยถึงเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้ศาลาประชาคม อำเภอท่าวังผา เมื่อคืนวันที่ 18 พ.ย.เวลา03.30 น.ว่า ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่วิทยาการฯ ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้เข้าไปตรวจสอบหาหลักฐาน ผลวิเคราะห์ออกมาอย่างไม่เป็นทางการ ว่าการเกิดอัคคีภัยไม่ใช่เกิดจากการวางเพลิง

 ตามที่มีข่าวออกมาว่า รถดับเพลิงของเทศบาลตำบลท่าวังผาไปถึงที่เกิดเหตุ ขัดข้องไม่สามารถฉีดน้ำดับไฟได้ ต้องวิ่งกลับไปเปลี่ยนคันใหม่ ได้ให้ท้องถิ่นจังหวัดน่าน ให้เทศบาลตำบลท่าวังผา เร่งชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และปัญหาอุปสรรค์ในการแก้ไขการเข้าไปดับเพลิงอาคารศาลาประชาคม อ.ท่าวังผา ล่าสุดได้สั่งการให้ ทุกอำเภอทุกท้องถิ่น จังหวัดได้เตรียมความพร้อม เวรยามการรักษาสถานที่ราชการ โดยเฉพาะท้องถิ่นที่มีรถดับเพลิงรถน้ำก็ให้สำรวจ มีความบกพร่องพร้อมใช้งานได้หรือไม่ มีน้ำเต็มหรือไม่

 นอกจากนี้ จังหวัดน่าน ได้มีประชุมคณะของนายอำเภอทั้ง 15 อำเภอ ให้ทำการสำรวจทุกอบต.ว่า อบต.ใดมี รถน้ำ,รถดับเพลิง หรือบาง อบต.มีแต่รถน้ำไม่มีรถดับเพลิง ให้ขึ้นบัญชีไว้ ให้นายอำเภอได้ไปทำแผนเผชิญเหตุเมื่อเกิดอัคคีภัย จะใช้รถดับเพลิงของ อบต.ใด จะร้องขอไปยังหน่วยงานใดที่สะดวกและใกล้ที่สุดก่อน ให้มีการดำเนินการติดต่อประสานงาน มีการซักซ้อมแผนการดับเพลิง ลำดับขั้นตอนการขนย้ายเอกสารสิ่งของตามลำดับเร่งด่วน