
ถึงเวลาเที่ยวเชิงอนุรักษ์ดำน้ำเก็บขยะ คืนชีวิตให้ "อ่าวคุ้งกระเบน" 21 มี.ค.นี้
การท่องเที่ยว แม้จะเป็นการกระจายรายได้สู่คนในท้องถิ่นโดยตรง ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่น่าส่งเสริมในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
แต่บ่อยครั้งก็ต้องแลกมาด้วยความเสื่อมโทรมทางธรรมชาติ โดยเฉพาะพฤติกรรมการทิ้ง "ขยะ" ลงสู่แหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ
แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลบริเวณ หาดเจ้าหลาว และ แหลมเสด็จ ในพื้นที่ อบต.คลองขุด และ อบต.สนามชัย อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ก็เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปริมาณขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้ระหว่างมาตักตวงความงามทางธรรมชาติ
ทั้งสองแห่งมีความสำคัญทั้งในฐานะแม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินนักท่องเที่ยว และยังเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ จึงเป็นแหล่งที่มีการทำประมงชายฝั่งมากที่สุดใน จ.จันทบุรี
แต่ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากกว่า 3.5 แสนคน ในแต่ละปีก็ส่งผลให้มีปริมาณขยะเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงจัดทำโครงการ “คุ้งกระเบนเทิดไท้องค์ราชัน พัฒนาชายหาดร่วมกัน เพื่อสานฝันทะเลงาม ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 21 มีนาคมนี้
จุดประสงค์หลักก็เพื่อคืนความสวยงาม และระบบนิเวศวิทยาทางทะเลที่สวยงามให้แก่แหล่งท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่งใน จ.จันทบุรี นั่นเอง โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2548 และจัดติดต่อกันเรื่อยมาเป็นปีที่ 5 แล้ว
นพดล ค้าขาย นักวิชาการประมงประจำศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน กล่าวว่า เดิมกิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นทุกวันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปี แต่จากหลายๆ ปัจจัยจึงทำให้ต้องเลื่อนการจัดงานขึ้นมาเร็วกว่าทุกปี
สำหรับกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของโครงการคือ "ดำน้ำเก็บขยะ" โดยขณะนี้มีอาสาสมัครนักดำน้ำกว่า 300 คน ยืนยันที่จะมารวมตัวกันที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการเก็บขยะใต้ทะเลกันอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ แม้แต่ละคนจะควักกระเป๋าใช้งบประมาณส่วนตัวค่อนข้างสูงในแต่ละทริป แต่เมื่อมองถึงประโยชน์ที่ธรรมชาติจะได้รับ รวมทั้งการปลูกจิตสำนึกให้คนหันมาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้วก็ถือว่าคุ้มมากเมื่อเทียบกับเงินที่เสียไป
ส่วนกิจกรรมที่จะทำควบคู่ไปกับการดำน้ำเก็บขยะคือ การสร้างจิตสำนึก ตลอดจนความรู้ความเข้าใจในการพัฒนา และอนุรักษ์ให้แก่นักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และประชาชนให้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลด้วยอีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะราว 2 สัปดาห์ ทีมงานลงไปดำน้ำสำรวจบริเวณ "กองหินสะอิ้ง" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่ง แต่ก็พบเศษอวน และลอบดักปลาถูกทิ้งไว้ใต้ทะเลเป็นจำนวนมาก
การดำน้ำที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเช่นนี้ จึงต้องอาศัยนักดำน้ำที่มีประสบการณ์พอสมควร ทีมงานจึงแนะนำว่านักดำน้ำที่เหมาะจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้ควรมีประสบการณ์อย่างน้อย 30 ไดว์ขึ้นไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง
ส่วนอุปกรณ์ที่ต้องพกติดตัวไว้ตลอดเพื่อตัดและเก็บขยะใต้ทะเลคือ กรรไกร มีด และบอลลูนสำหรับยกขยะขึ้นจากใต้น้ำ
กระนั้น แม้งานครั้งนี้จะมีอาสาสมัครมาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยหัวใจรักสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ดีเมื่อเทียบกับปริมาณขยะมหาศาลที่กองอยู่ใต้ทะเล
ดังนั้นถ้าจะให้กิจกรรมดีๆ แบบนี้มีพลังสร้างสรรค์มากขึ้น ทั้งหน่วยงานราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่ทั้ง 2 แห่งน่าจะเข้ามามีส่วนช่วยผลักดันด้วย ซึ่งหากได้คนในพื้นที่มาร่วมผลักดันอีกแรงก็เชื่อว่าอ่าวคุ้งกระเบนจะกลับมาสวยงามอีกครั้งแน่นอน
"กิตตินันท์ รอดสุพรรณ"
[email protected]