ข่าว

รายงานเพลิงแค้นคลั่ง "เผา"เมือง

รายงานเพลิงแค้นคลั่ง "เผา"เมือง

21 พ.ค. 2553

ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ประเมินไว้ล่วงหน้าว่า ถ้าแกนนำกลุ่มเสื้อแดงประกาศมอบตัวเมื่อไหร่ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน คือ การ "เผาบ้าน-เผาเมือง"

ภาพเหตุการณ์ “เผาบ้าน-เผาเมือง” คือ "ยุทธการผึ้งแตกรัง" ที่เกิดขึ้นถึงความพยายามสร้างสถานการณ์ทั้งในเขตพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และในพื้นที่ต่างจังหวัด ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีความพยายามสร้างสถานการณ์โดยตลอด

 ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเผายางรถยนต์ บริเวณสถานที่สำคัญต่างๆ รวมถึงการทุบทำลายตู้เอทีเอ็ม เพื่อที่จะโจรกรรม

 ถือว่าเป็น "การก่อการร้ายเต็มรูปแบบ"

 ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้นำคลิปภาพของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ที่ครั้งหนึ่งเคยประกาศเอาไว้กับกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงอย่างชัดเจนว่า

 “พวกคุณยึดอำนาจพวกผม เผาทั่วประเทศ เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง แล้วถ้าใครจะจับมาจับผม”

 นี้คือหลักฐานยืนยันว่าเหตุการณ์ “เผาบ้าน-เผาเมือง” เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม สามารถเชื่อมโยงคำพูด ที่เปิดไฟเขียวให้บรรดาสาวกทำงานอย่างอิสระ

 ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ ศอฉ.เคยประกาศเอาไว้ว่า “ณัฐวุฒิ” คือ “หัวหน้ากลุ่มก่อการร้าย” ตัวจริง

 จึงยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นได้ แต่เชื่อว่า “ลำพัง” ตัวของ “ณัฐวุฒิ” จะทำงานคนเดียวไม่ได้

 จะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังที่เป็นทั้งฝ่ายเสนาธิการ-กุนซือ ให้เดินเกมบนดิน-ใต้ดิน

 เหตุการณ์ “เผาบ้าน-เผาเมือง” ที่เกิดขึ้นทั้ง 38 แห่ง มีทั้งห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ สถานที่ราชการสำคัญ สถาบันการเงิน และแหล่งช็อปปิ้งที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของต่างชาติ

 ดังนั้นเมื่อแกนนำ “คุมเกม” ไม่อยู่ จึงเกิดเรื่องตามมาแบบไม่ได้ตั้งตัวอย่างที่เห็นในเวลานี้

 ก่อนหน้านี้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงใช้ยุทธศาสตร์ “ผึ้งแตกรัง” ในการตอบโต้ “รัฐบาล-ศอฉ.” โดยเฉพาะแผน “เผาบ้าน-เผาเมือง”

 แผนที่ถูกผุดขึ้นเมื่อเป็น “ตัวหลอก” หรือ “ตัวขู่” เท่านั้น

 แต่นัยของการเผาบ้านเผาเมือง คือ “สัญลักษณ์” ที่มีความเชื่อมโยงกับ “รัฐบาล-ศอฉ.”

 โดยเฉพาะ “สัญลักษณ์” ที่เชื่อมโยงกับ "ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกรุงเทพ มีความสนิทสนมอย่าง นายชาตรี โสภณพนิช  และมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของธนาคารกรุงเทพ

 ส่วนโรงแรมดุสิตธานีของ คุณหญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ก็มีความสนิทสนมกับพล.อ.เปรม ซ้ำยังให้ที่พักพิงทหาร นั่นคือที่มาของการตกเป็นเป้า เอ็ม 79 และอาร์พีจี

 รวมทั้งเครือซีพี ที่นายธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีความสนิทสนมกับพล.อ.เปรม และยังเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลนี้

 อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ รู้กันโดยทั่วไปว่า หากรัฐบาลสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อไหร่ก็ให้จัดการได้เลย เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเชื่อว่ากลุ่มเซ็นทรัลเป็นนายทุนให้พรรคประชาธิปัตย์

 แต่งานนี้ ตึกโพสต์พับลิชชิง โดนกับเขาไปด้วยนั้นหาใช่เพราะ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ หรือบางกอกโพสต์ ตกเป็นเป้าที่กลุ่มเซ็นทรัลเข้าไปถือหุ้น

 ข่าววงในระบุว่า กลุ่มฮาร์ดคอร์เข้าใจผิดเอง เพราะดันไปคิดว่า นี่คืออาคารสำนักงานของ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ที่เป็นอีกฉบับหนึ่งที่เขียนถล่มการชุมนุมของคนเสื้อแดงทุกเมื่อเชื่อวัน ซึ่งอยู่ในซอยเดียวกัน

 ส่วน อาคารมาลีนนท์ ที่ตั้งของ ไทยทีวีช่อง 3 โดนข้อหา นักแสดงรุ่นเก๋าและผู้กำกับชื่อดัง "อ๊อฟ" พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ได้กล่าวบนเวทีรับรางวัล "นาฏราช" ครั้งที่ 1 ประจำปี 2553 ถึงเรื่องของพ่อ

 "ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ" น่าจะเป็นประโยคที่เสียดแทงใจกลุ่มฮาร์ดคอร์มากที่สุด

 นอกจากนี้ยังส่งสัญญาณด้วยว่า น่าจะไปเยือนบ้านของ ธัญญา วชิรบรรจง ภรรยาของ พงษ์พัฒน์ ที่กาญจนบุรี อีกด้วย เพราะรู้ว่าที่นั่น ธัญญา ประกาศให้รับรู้แล้วว่า นับแต่นี้ไป อย่าเรียกตนว่า "แดง" !

 เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ เผาผลาญอาคารสถานที่ในเมืองหลวงครั้งนี้ จึงเกิดขึ้นจากความเคียดแค้น ชิงชัง อย่างแท้จริง หาได้เกิดจากความต้องการ "ประชาธิปไตย" แต่อย่างใดไม่

ทีมข่าวความมั่นคง