ข่าว

เมีย สจ.โต้ง ผวา! อิทธิพล ร้องโอนสำนวนคดี มากองปราบ

เมีย สจ.โต้ง ผวา! อิทธิพล ร้องโอนสำนวนคดี มากองปราบ

13 ธ.ค. 2567

ภรรยา สจ.โต้ง ผวา! อิทธิพล หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ร้องโอนสำนวนคดี มากองปราบ ปูดข้อมูลวันเกิดเหตุ มีคนอยู่ในบ้าน มากกว่า 7 คน

13 ธ.ค. 2567 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ "สจ.จอย" ภรรยาของ นาย​ชัยเมศร์​ สิทธิสนิทพงศ์​ หรือ "สจ.โต้ง" พร้อมด้วย บุตรชาบ และ นายนิติศักดิ์ มีขวด หรือ "ทนายเอี้ยง" เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ขอให้รับโอนสำนวนคดีการเสียชีวิตของ สจ.โต้ง มาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจกองปราบ เพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ โดยมี พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม รอง ผบก.ป. เป็นผู้รับหนังสือไว้ เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการ

ทนายเอี้ยง กล่าวว่า ตนเคยเป็นทนายความให้กับ สจ.โต้ง หลังเกิดเหตุ สจ.จอย ติดต่อมาหา เพราะเขาอยู่ในพื้นที่ เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัย และ เกรงว่าคดีจะโดนแทรกแซงจากผู้มีอิทธิพล ไม่ใช่ว่าตำรวจท้องที่ทำงานไม่ได้ เราชื่นชมเพราะหลังเกิดเหตุสามารถจับกุมคนร้ายได้ทันควัน แต่เนื่องจากคดีนี้มีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้ง ยังมีความคุ้นเคยกับตำรวจท้องที่ ทาง สจ.จอย จึงอยากให้กองปราบฯ ที่เป็นหน่วยส่วนกลาง รับโอนสำนวนคดีมาดำเนินการแทน ผิดถูกว่าไปตามข้อเท็จจริง ใครที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องถูกดำเนินคดีให้หมด

ทนายเอี้ยง กล่าวอีกว่า จากหลักฐานคลิปเสียงที่ปรากฎออกมา ค่อนข้างชัดเจนว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่จะผิดจะถูกก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจจริง เขาต้องได้รับความเป็นธรรม สำหรับคดีนี้เชื่อว่าถ้าเข้าหลักเกณฑ์ทางกองปราบก็น่าจะรับเรื่อง ซึ่งถ้าอยู่ในมือของกองปราบ ครอบครัวผู้ตายก็น่าจะได้รับความเป็นธรรม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้โอนคดีมาที่นี่ และ ถ้ากองปราบรับทำคดี หากต้องการให้ช่วยติดต่อประสานพยานบุคคลมาสอบปากคำเพิ่มเราก็พร้อมให้ความร่วมมือ

เมีย สจ.โต้ง ผวา! อิทธิพล ร้องโอนสำนวนคดี มากองปราบ

"ส่วนกรณีเรื่องกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ถ้าไม่ได้เสียก็เอามา ข้อเท็จจริงจะได้ปรากฎ แต่ถ้าอ้างว่าพังนั้น ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัด พร้อมมั่นใจว่าคดีนี้อยู่ในมือกองปราบ ข้อเคลือบแคลงหลายๆอย่างจะกระจ่างได้" นายนิติศักดิ์ กล่าว

ด้าน สจ.จอย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุยังไม่เคยพูดคุยกับ นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ "โกทร" และไม่พร้อมที่จะเจอ หรือพูดคุย ส่วนเรื่องลงเล่นการเมืองหลังจากนี้ ต้องรอปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้พูดคุย มีปรึกษาแค่เรื่องงานศพ ยอมรับว่ากลัวมาก เพราะอยู่กันลำพังสองแม่ลูก ปัจจุบันให้ญาติมานอนเป็นเพื่อน

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาสามีตนกับโกทร ทะเลาะกันเป็นประจำ แต่ทุกครั้งก็จบกันด้วยดี ด้วยความที่ สจ.โต้ง นับถือเขาเป็นพ่อบุญธรรม เขารักมาก นับถือกันมากว่า 20 ปี ซึ่งในวันเกิดเหตุ ทราบว่าเข้าไปในบ้านคนเดียว ตั้งใจจะส่งโกทร เข้านอน หลังเครียร์ใจกันเสร็จแล้ว ตอนเข้าไปก็ไม่มีอาวุธปืน ดังนั้นเสียงปืนที่ดังขึ้นไม่ใช่จากสามีตนก่อนแน่นอน

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีผู้บงการหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ตอนเกิดเหตุ สามีตนเข้าไปในบ้านของโกทร โดยไม่มีอาวุธ และเข้าไปเพียงลำพังไม่มีลูกน้อง เพราะไว้ใจ แต่จากบาดแผลที่พบ ค่อนข้างเยอะมาก ทั้งที่ศีรษะ ใบหน้า ลำตัว โหดร้ายเกินไป และเป็นการยิงโดยที่เขาไม่สามารถต่อสู้เลยได้เลย

เมีย สจ.โต้ง ผวา! อิทธิพล ร้องโอนสำนวนคดี มากองปราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ระหว่างที่ สจ.โต้ง กับ โกทร โต้เถียงกันนั้น โกทร เสียใจร้องไห้ ก่อนจะมีการพูดเคลียร์ใจกันภายหลัง จริงหรือไม่นั้น สจ.จอย ยอมรับว่า เรื่องโกทรร้องไห้ เป็นเรื่องจริง และจากที่ได้รับฟังจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น ทราบว่า สจ.โต้ง ได้ขอโทษ ก้มลงกราบเท้าโกทรไปแล้ว

"การเสียชีวิตของสามี ย่อมได้รับผลกระทบ เพราะเขาเป็นเสาหลักของครอบครัว ถ้าใครรู้จักจะรู้ว่าเขามีแต่ให้ แม้จะบุคลิกจะดูขี้โวยวาย แต่ถ้ารู้จักหรือสนิทกัน จะรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร ส่งนเรื่องที่มีผู้ทาบทามไปสังกัดอยู่พรรคการเมืองอื่นเรื่อวนี้ตนยังไม่ทราบข้อมูล เพราะหน้าที่เราคืออยู่หลังล้านคอยซัพพอร์ตเขา เรื่องงานหรือปัญหาเชิงลึกเขาไม่ได้เล่าให้ฟัง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันเกิดเหตุ สจ.โต้ง มีตำรวจติดตามไปที่บ้านของโกทรด้วยหรือไม่ สจ.จอย ตอบว่า ข้อมูลส่วนนี้ตนไม่ทราบว่ามีใครไปด้วยบ้าง เพราะรู้เรื่องอีกทีคือตอนที่สามีถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ส่วนเรื่องที่มีการกล่าวอ้างว่า สจ.โต้ง เคยมีปัญหาส่วนตัวทะเลาะกับมือปืนผู้ก่อเหตุนั้น เรื่องนี้ไม่ทราบข้อมูล แต่ถ้าแค่ตบหัวจะถึงกับต้องยิงกันเลยหรอ

ด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนะพงศ์ กล่าวว่า ตนกับ สจ.โต้ง สนิทกันเหมือนพี่น้อง หรือคนในครอบครัว ดังนั้นคดีนี้ตนไม่ยอมให้ตายฟรีแน่นอน หลังเกิดเรื่องจัดทีมทนายไว้ 2 ชุด มาคอยช่วยเหลือทางคดี และ ที่มาในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้โอนสำนวนคดีมาอยู่ในความคับผิดชอบของกองปราบ ก่อนหน้านี้ได้ประสานกับทางกองปราบไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่มายื่นอย่างเป็นทางการเท่านั้น

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า จากข่าวที่ปรากฎผู้ต้องหามีเพียง 7 คน ซึ่งแท้จริงแล้วควรจะมี 9 คน เพราะตอนเกิดเหตุฝั่งนั้นมีคนอยู่ในบ้าน 9 คน และ ตนทราบมาว่า 1 ใน 2 คนที่เหลือ เป็นคนใช้อาวุธปืนจี้ข่มขู่ลูกน้อง สจ.โต้ง ที่จะเข้าไปช่วย ส่วนอีกคนเป็นคนคอยเปิดปิดประตู ดังนั้นจะบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้