ข่าว

ปิด3ห้างข้างม็อบเสื้อแดงเดือนกว่าสูญ2พันล้าน

ปิด3ห้างข้างม็อบเสื้อแดงเดือนกว่าสูญ2พันล้าน

10 พ.ค. 2553

สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอน ประเมินปิดห้างเดือนกว่าสูญ 2 พันล้าน พนักงานลูกจ้างนับหมื่นเดือดร้อน เล็งยื่นข้อเสนอรัฐเพิ่ม เว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเขตฟรีโซน พร้อมจัดงาน "เอสโอเอส" หาเงินช่วยผู้เช่าพื้นที่ ขณะที่กระทรวงแรงงานเผยผู้ร้องเรียนไ

 จากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองและการชุมนุมบนพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ การปิดกั้นถนนพระราม 1 ตลอดแนว เป็นผลให้ศูนย์การค้าในบริเวณดังกล่าวต้องปิดให้บริการนั้น นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ชุมนุมดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์ได้รับความเดือดร้อนเป็นพันรายและลูกจ้างพนักงานเกือบหมื่นคน จากการประเมินความเสียหายของรายได้จากยอดขายในระยะกว่า 1 เดือน ที่ผ่านมา น่าจะไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท โดยจะสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ภายในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขการเลิกจ้างและภาระของผู้ประกอบการแต่ละราย

 “ทางสยามได้เรียกประชุมกลุ่มผู้เช่าพื้นที่ของสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่ไปเมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นในการปิดห้าง และการดูแลทรัพย์สินของผู้เช่าพื้นที่ รวมถึงการยืนยันถึงการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจะมีทั้งการยกเว้นค่าเช่า การลดค่าเช่า และการให้ทยอยผ่อนชำระ รวมถึงประสานกับเอสเอ็มอีแบงก์ในการขอกู้เงินเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการและเสนอขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพิ่มเติม” นางชฎาทิพ กล่าว

 นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า การปิดห้างครั้งนี้ยอมรับว่าสาหัสที่สุดเท่าที่ทำธุรกิจมาเกือบ 40 ปี เพราะทั้งสามศูนย์การค้าอยู่ใจกลางการชุมนุม แต่ก็หวังว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช.จะยุติในสัปดาห์นี้ หรือก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ หากการชุมนุมยุติลง ห้างทั้งสามแห่งจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายใน 24 ชั่วโมง

 นางชฎาทิพ กล่าวด้วยว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐนั้น เบื้องต้นภาคเอกชนมีความพอใจ ทั้งการชะลอการจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล การให้กู้เสริมสภาพคล่องโดยเอสเอ็มอีแบงก์ 5,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ธนาคารจะให้กู้แบบฟาสต์แทร็กรายละ 3 ล้านบาท และผ่อนปรนให้แม้จะติดรายชื่อในเครดิตบูโร ส่วนการจ่ายเงินชดเชยให้ลูกจ้าง พนักงานรายละ 3,000 บาทนั้น อาจจะยังไม่ชัดเจนว่าจะจ่ายอย่างไร และให้ใครบ้าง เบื้องต้นจะให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เซ็นทรัลชิดลม ถึงสี่แยกปทุมวัน และจากลุมพินีถึงสี่แยกประตูน้ำ

 อย่างไรก็ตาม จากการหารือกันของกลุ่มผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า รวมเซ็นทรัล กรุ๊ป และเกษรพลาซ่านั้นเห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ แวต ฟรีโซนในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อจูงใจให้ประชาชนคนไทยและนักท่องเที่ยวกลับมาซื้อสินค้าและใช้บริการห้องพักมากขึ้นหลังจากนี้

 นอกจากนี้ ในส่วนของร้านค้าที่มีภาระการผ่อนชำระกับแบงก์ หรือบัตรเครดิต ก็จะเสนอรัฐบาลให้พิจารณาผ่อนผันการจ่ายหนี้คืนให้ผู้เช่าสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว โดยมองว่าครั้งนี้ก็จะผ่านพ้นวิกฤติไปได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา รวมถึงการที่รัฐต้องเข้ามาเป็นเจ้าภาพจัดงานโปรโมทการท่องเที่ยวและการช็อปปิ้งในเมืองไทย ส่วนของสยามเองก็มีแนวทางช่วยเหลือผู้เช่าทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาวต่อเนื่องถึงปลายปี เริ่มจากวันที่ 11-16 กรกฎาคมนี้ บริษัทจะจัดงาน "เอสโอเอส" หรือสยาม ซูเปอร์ เซล โดยเช่าพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และทองหล่อ มิดทาวน์ เพื่อช่วยให้ร้านค้านำสินค้าในสต็อกไปขายโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

 “งานนี้เป็นมาตรการเร่งด่วนช่วยหาเงินเข้ากระเป๋าให้ผู้เช่าร้าน โดยทางบริษัทยอมควักเงิน 20 ล้านจัดงานนี้เรียกว่าเป็นการยกสยามมาไว้ที่นี่ มีร้านค้าชื่อดังเข้าร่วมงานกว่า 200 ร้าน และลดราคา 50-90% คาดว่าภายในงานน่าจะมีเงินสะพัดหลายร้อยล้านบาท และหลังจากนี้จะมีแคมเปญกระตุ้นบรรยากาศการช็อปปิ้งทยอยออกมาอีก โดยหลังม็อบยุติก็จะจัดงานนิวเคลียร์ เซล จากนั้นจะจัดงานไทยแลนด์แกรนด์เซล ลดแลกแจกแถมตลอดทั้งปี” นางชฎาทิพ กล่าว 

 ส่วนการลงทุนของบริษัทนั้น ขณะนี้ยังยืนยันเดินหน้าต่อ ทั้งการปรับปรุงสยามเซ็นเตอร์วงเงิน 350 ล้านบาท และการปรับปรุงสยามดิฟคัฟเวอรี่ วงเงิน 1,000 ล้านบาท ก็จะเริ่มในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนการลงทุนของผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมด้วย เช่น พิพิธภัณฑ์มาดามทรูโซ่ ที่ใช้เงินลงทุน 500 ล้านบาท ก็จะเปิดตัวเดือนกันยายน รวมถึงลานไอซ์สเกต และร้านอาหารก็น่าจะเสร็จและเปิดตามกำหนดเดิม แต่หากสถานการณ์ชุมนุมยังยืดเยื้อออกไปก็คงต้องมีการพิจารณาปรับแผนครั้งหนึ่ง

 ส่วนการลงพื้นที่ค้นหาแรงงานนอกระบบที่ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมของกลุ่ม นปช.บริเวณแยกราชประสงค์ ตามที่ ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานหาตัวเลขผู้เดือดร้อนที่แท้จริงนั้น นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมีปัญหา เนื่องจากสภาพพื้นที่ไม่เอื้อต่อการเข้าไปเก็บข้อมูล ซึ่งคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

 “กระทรวงเคยเสนอตัวเลขแรงงานนอกระบบที่ได้จากสำนักเทศกิจที่ผู้ค้าอิสระมาลงทะเบียนเอาไว้ในพื้นที่ประมาณ 1,500 คน แต่ ครม.มองว่าผู้ค้าหาบเร่แผงลอยบางรายยังสามารถค้าขายในพื้นที่ชุมนุมได้อยู่ จึงไม่น่าจะเป็นผู้ที่เดือดร้อนจริง” นายสมเกียรติกล่าว

 ยอดผู้ได้รับผลกระทบด้านการจ้างงาน ล่าสุดระหว่างวันที่ 20 เมษายน-9 พฤษภาคม 2553 มีผู้แจ้งขอความช่วยเหลือทั้งสิ้น 14,113 ราย แบ่งเป็นกลุ่มนายจ้าง 1,567 ราย และกลุ่มลูกจ้าง 12,546 ราย ทั้งนี้กลุ่มนายจ้างที่แจ้งขอความช่วยเหลือเข้ามามากที่สุด ได้แก่ ผู้ค้ารายย่อย 1,099 ราย ซึ่งกระทบถึงลูกจ้างที่ต้องดูแลถึง 2,643 คน รองลงมาก็เป็นกลุ่มผู้ค้ารายย่อยในห้าง 212 ราย ซึ่งมีลูกจ้างต้องดูแล 2,490 คน และกลุ่มธุรกิจโรงแรมทั้งหมด 7 แห่ง จำนวนลูกจ้าง 2,237 คน

 นอกนั้นก็จะเป็นกลุ่มผู้เดือดร้อนในส่วนของร้านอาหารในห้าง 105 ราย มีลูกจ้างเดือดร้อน 1,868 คน ร้านอาหารทั่วไป 84 ราย มีลูกจ้าง 489 คน ร้านเสริมสวย 21 ราย จำนวนลูกจ้าง 514 คน สปา/สถานที่ออกกำลังกาย 7 ราย จำนวนลูกจ้าง 470 คน บริการนักท่องเที่ยว 9 ราย จำนวนลูกจ้าง 224 คน และธุรกิจบริการต่างๆ 23 ราย จำนวนลูกจ้าง 1,611 คน