
"เชลซี"ถล่ม8-0คว้าแชมป์ฯดร็อกบายิงสูงสุด
"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี สุดโหด สังหาร "เดอะ ลาติกส์" วีแกน 8-0 นัดสุดท้าย คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัย 4 ขณะที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ทำ "แฮตทริก" ในเกมนี้ ได้รางวัล "รองเท้าทองคำ" ส่วน "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ตี "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค 4-0 แต่ก็ดีไม่พอ
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดสุดท้ายของฤดูกาลแข่งขัน 2009-2010 คืนวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่า เชลซี ทีมจ่าฝูง สอนเชิง วีแกน แอธเลติก 8-0 ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของตัวเอง จาก นิโกลาส์ อเนลก้า คนเดียว 2 ประตู นาที 6 กับ 56, แฟรงค์ แลมพาร์ด นาที 32 (จุดโทษ), ซาโลมอน คาลู นาที 54, "แฮตทริก" ของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา นาที 63, 68 (จุดโทษ) กับ 80 ซึ่งนับเป็นแฮตทริกของแท้ ที่ยิงได้ในครึ่งเวลาเดียว และไม่มีใครมายิงคั่น และ แอชลีย์ โคล นาที 90 โดยเกมนี้ "เดอะ ลาติกส์" ต้องเหลือผู้เล่น 10 คน ตั้งแต่นาที 31 เมื่อ แกรี คอล์ดเวลล์ โดนใบแดง
จากชัยชนะเกมนี้ส่งผลให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" แข่ง 38 นัด มี 86 แต้ม เป็นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ สมัย 4 (1955, 2005, 2006, 2010) ด้วยสถิติยิงประตูสูงสุด 103 ประตู เป็นประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก พร้อมกับที่ ดร็อกบา ได้รางวัล "รองเท้าทองคำ" ในฐานะดาวยิงสูงสุดประจำซีซั่นนี้ ด้วยผลงาน 29 ประตู และยังมีลุ้นทำดับเบิลแชมป์อีกด้วย เนื่องจากยังเหลือเกมชิงชนะเลิศถ้วยเอฟเอ อีกหนึ่งใบในคืนวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคมนี้ กับ ปอร์ทสมัธ
ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า ที่ก่อนเกมยังคงมีความหวังหาก "สิงห์บลู" พลาด เนื่องจากตามหลังอยู่เพียงแต้มเดียว ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดแล้ว เมื่อเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ 4-0 ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของตัวเอง จาก ดาร์เรน เฟลทเชอร์ นาที 41, ไรอัน กิ๊กส์ นาที 38, การทำเข้าประตูตัวเองของ แดนนี ฮิกกินบ็อทแธม นาที 54 และ ปาร์ค จี ซุง นาที 84 จากความพ่ายแพ้เกมนี้ทำให้ "ปีศาจแดง" ยังเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ 18 สมัย เท่ากับ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถแซงขึ้นไปเป็น 19 สมัย ได้ตามความตั้งใจของเซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม
ขณะที่ อาร์เซนอล จบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 เมื่อเอาชนะ ฟูแล่ม 4-0 ในศึก "ลอนดอน ดาร์บี้" ที่สนามเอมิเรตส์ ของตัวเอง จาก อังเดร อาร์ชาวิน นาที 21, โรบิน ฟาน เพอร์ซี นาที 26, การทำเข้าประตูตัวเองของ คริส แบร์ด นาที 37 และคาร์ลอส เบลา นาที 84
ด้าน ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เพิ่งฉลองการแทรกเข้ามาเป็นหนึ่งในกลุ่ม "ท็อปโฟร์" พื้นที่สโมสรยุโรป ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังการครอบครองของ เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล และลิเวอร์พูล มาโดยตลอด ในเกมก่อนหน้านี้ กลับออกไปพ่าย เบิร์นลีย์ 2-4 ที่สนามเทิร์ฟ มัวร์ ทั้งที่ "ไก่เดือยทอง" นำก่อน 2 ประตู จาก แกเร็ธ เบล นาที 3 และ ลูกา โมดริช นาที 32 ทว่า "องุ่นแดง" ทีมที่ตกชั้นไปก่อนหน้านี้แล้ว ทวงคืน 4 ประตูรวด จาก เวด เอลเลียต นาที 42, แจ็ค คอร์ก นาที 54, มาร์ติน แพทเตอร์สัน นาที 71 และสตีฟ ธอมป์สัน นาที 88
ส่วน ลิเวอร์พูล รองแชมป์เก่า ที่ต้องหล่นมาอยู่ที่ 7 ในซีซั่นนี้ ก็เป็นทีมในกลุ่ม "บิ๊กโฟร์" ทีมเดียวที่ไม่ชนะ และยิงประตูไม่ได้ เมื่อออกไปเสมอ ฮัลล์ ซิตี้ ทีมที่ตกชั้นไปก่อนหน้านี้แล้ว 0-0 ที่สนามคิงส์ตัน
สำหรับคู่อื่น แอสตัน วิลล่า แพ้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-1, โบลตัน วันเดอเรอร์ส ชนะ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 2-1, เอฟเวอร์ตัน ชนะ ปอร์ทสมัธ 1-0, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-1
สรุปพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2009-2010 แชมป์-เชลซี, รองแชมป์-แมนฯ ยูไนเต็ด, อันดับ 3-อาร์เซนอล ทั้งหมดได้สิทธิ์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม, อันดับ 4-สเปอร์ส ได้สิทธิ์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ, อันดับ 5-7 ได้แก่ แมนฯ ซิตี้, แอสตัน วิลล่า และลิเวอร์พูล ได้สิทธิ์ยูโรปา ลีก, อันดับ 18-20 ตกชั้นไปอยู่ลีก แชมเปี้ยนชิพ ได้แก่ เบิร์นลีย์, ฮัลล์, ปอร์ทสมัธ
ซึ่งขณะนี้ได้ 2 ทีมจากลีกแชมเปี้ยนชิพ เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่พรีเมียร์ลีกแทนแล้ว ได้แก่ แชมป์-นิวคาสเซิล, รองแชมป์-เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ส่วนอีกหนึ่งทีมต้องรอผลเพลย์ออฟกันของทีมอันดับ 3-6 ได้แก่ นอตติงแฮม ฟอเรสต์, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้, เลสเตอร์ ซิตี้ และแบล็คพูล