ข่าว

เยาวเรศน้องทักษิณสุดทนชินวัตรถูกย่ำยี

เยาวเรศน้องทักษิณสุดทนชินวัตรถูกย่ำยี

17 มี.ค. 2552

"เยาวเรศ"สุดทนตระกูลชินวัตรถูกย่ำยี ชี้ฝ่ายตรงข้ามไม่เลิก แม้น "ทักษิณ"หยุดแล้ว ชี้ที่โฟนอินบ่อยก็เป็นการดำเนินการทางการเมือง ปชป.แฉ“ทักษิณ”เร่งโฟนอินหวังสร้างความรุนแรง เทพไทปูดเพื่อไทยเดินหน้าแผนตากสินหวังล้มรัฐบาลนิรโทษกรรม "ทักษิณ " อภิสิทธิ์ กำชับรม

นางเยาวเรศ ชินวัตร ประธานสภาสตรีในพระบรมราชินูปถัมภ์ น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณี ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ วางแผนใช้ยุทธศาสตร์ตากสิน ล้มรัฐบาลว่า เธอยังไม่ได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ

ส่วนการโฟนอินในระยะนี้ถี่ขึ้นนั้น มีนัยยะทางการเมืองหรือไม่ นางเยาวเรศ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า เป็นการดำเนินการทางการเมือง

สำหรับกรณีป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา ในกรณีการสลายการชุมนุม 7 ต.ค. แก่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนางเยาวภา ภรรยาของนายสมชาย จึงไม่ได้ให้กำลังใจอะไร เพียงแต่รับทราบจากข่าวเท่านั้น

“ตระกูลชินวัตร ถูกกระทำมานาน ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะยุติบทบาททางการเมืองอย่างเด็ดขาดหรือไม่ แต่คนที่จ้องจะเล่นงานตระกูลชินวัตร ก็ไม่หยุดอยู่แล้ว” 

ส่วนการเลื่อนอภิปรายไม่ไว้วางรัฐบาลเร็วขึ้น จะกระทบต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นางเยาวเรศ กล่าวว่า เป็นกระบวนทางการเมือง ซึ่งเธอและน้องสาว (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ไม่ได้คุยกัน และเธอก็ไม่สนใจเรื่องการเมือง และขอปฏิเสธเรื่องที่ไปดูแลส.ส.เพื่อไทยในภาคใต้ว่า ไม่เป็นความจริง และไม่ทราบว่า ข่าวดังกล่าวออกมาได้อย่างไร

ปชป. แฉทักษิณเร่งโฟนอินหวังสร้างความรุนแรง

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ที่ประชุมพรรคได้มีการวิเคราะห์ในเรื่องดังกล่าวว่า การเร่งโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อต้องการให้เกิดความแตกหัก และลดความน่าเชื่อถือในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และรัฐบาล โดยพยายามทำให้เห็นว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ รวมทั้งยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ซึ่งพรรคประเมินว่าการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณหวังที่จะต่อรองในเรื่องของคดี เจรจาให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา ดังนั้น นายกฯ จึงย้ำให้รัฐมนตรีทุกคนขยันทำงาน ให้รัฐบาลมีผลงาน เพื่อให้สามารถชี้แจงกับประชาชนได้ง่ายขึ้น

เทพไทปูดเพื่อไทยเดินหน้าแผนตากสินหวังล้มรัฐบาล

นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง และการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นเรื่องเดียวกันสอดคล้องกับก่อนหน้านี้ ที่สื่อมวลชนเปิดเผยเรื่องแผนตากสินเพื่อล้มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยแผนดังกล่าว บางส่วนมีความสอดคล้องกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน เช่น แผนสงครามสื่อ ด้วยการสร้างข้อมูลข่าวสาร ตั้งแต่พีทีวี มาจนถึงสถานนีโทรทัศน์ประชาธิปไตยหรือดีสเตชั่น หรือการซื้อหน้าโฆษณาของหนังสือพิมพ์บางฉบับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดีโอลิ้งค์มาจากฮ่องกงผ่านทางสถานนีโทรทัศน์ดีสเตชั่น รวมถึงการใช้สื่อต่างชาติกดดันประเทศไทย  
 
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะเห็นได้จากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์นิตยสารต่างๆ แม้ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ จะออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์แบบน้ำขุ่นๆ เพราะคาดไม่ถึงว่าจะมีการเผยแพร่ในประเทศไทยจนกระทบต่อภาพลักษณ์ของตนเอง นอกจากนี้ยังมีการปล่อยข่าวล่อข่าวลวง เช่น ประเด็นที่จะอภิปรายเรื่องรัฐมนตรีมีกิ๊ก จนล่าสุดที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยว่ามีการดักฟังโทรศัพท์ฝ่ายค้าน ยืนยันว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่เคยทำอย่างผิดกฎหมายอย่างรัฐบาลก่อนด้วยการดักฟังโทรศัพท์ฝ่ายตรงข้าม

 นายเทพไท กล่าวว่า สำหรับแผนตากสินมีขั้นตอน คือ 1.การตั้งมวลชน คือ มีการตั้งกลุ่มเสื้อแดง 2.กดดัน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคน เห็นได้จากการเคลื่อนไหวขับไล่นายกฯและรัฐมนตรีของกลุ่มเสื้อแดงในขณะลงพื้นที่ 3.เคลื่อนไหวมวลชนไม่เฉพาะในกรุงเทพฯ เห็นได้จากการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดที่ยกระดับความรุนแรงไปขับไล่รัฐบาล 4.ปิดสถานที่ราชการ ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงประกาศชุมนุมปิดทำเนียบรัฐบาลช่วงปลายเดือนนี้ 5.จัดมวลชนฮาร์ดคอร์ ที่นิยมความรุนแรงเพื่อให้เกิดความรุนแรงขึ้น 6.เปิดสงครามประชาชน ทั้งนี้ซึ่งหากมีการดำเนินการตามแผนดังกล่าวสำเร็จก็จะสร้างความแตกแยกของบ้านเมืองได้

 “สาเหตุที่มีการใช้ชื่อแผนตากสินนั้น เชื่อว่าเป็นการเอาชื่อที่เป็นศิริมงคลมาเคลื่อนไหวกู้ชาติ แต่พ.ต.ท.ทักษิณใช้ชื่อดังกล่าวมาโกงชาติ และ พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็เป็นคนที่เชื่อในโหราศาสตร์ ดูได้จากการเดินแผนของกลุ่มเสื้อแดงที่อยุธยาไปจันทบุรี แต่อยากเตือนว่าอย่าเคลื่อนต่อมาที่นครศรีธรรมราชเป็นอันขาด เพราะไม่อย่างนั้นอาจพบจุดจบได้” นายเทพไท กล่าว

 นายเทพไท กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ใช้สถานที่ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยแถลงข่าวทั้งหมด ซึ่งโดยทุกครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิน โฟนอิน นั้นขอตั้งข้อสังเกตว่า มีการทำอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกัน เป็นไปได้อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ จะรู้ความเคลื่อนไหวการจัดการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในสถานที่ต่างๆ หากไม่มีการเตรียมการไว้ของแกนนำกลุ่มนปช.ซึ่งการเตรียมการทั้งหมด เพื่อหวังล้มล้างรัฐบาล และต่อรองให้มีการนิรโทษกรรมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับมามีอำนาจได้อีกครั้ง

นายกฯกำชับรมต.เตรียมข้อมูลชี้แจงอภิปรายไม่ไว้วางใจ

รายงานข่าวจากที่ประชุมครม.แจ้งว่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวกับครม.เกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 19-20 มี.ค.นี้ว่า ขอให้รัฐมนตรีที่จะโดนอภิปรายเตรียมการชี้แจงและข้อมูลให้ดี แม้ตนจะโดนอภิปรายด้วยแต่ไม่มีความหนักใจ 

รายงานข่าวแจ้งว่านายกฯยังบอกครม.อีกว่าการลงพื้นที่ต่างจังหวัดที่ยังเหลืออยู่นั้นก็ขอให้ลงพื้นที่ให้ครบด้วย ทั้งนี้มีข้อมูลว่าทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯเตรียมจัดโครงการโฆษกสัญจรลงพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ โดยเริ่มที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ก่อนการจัดประชุมอาเซียนบวกสาม จากนั้นคือจ.ตรังและจ.สุรินทร์อีกทั้งอาจลงพื้นที่จ.เชียงรายด้วยเพื่อพบประชาชนและรับฟังเสียงสะท้อนการทำงานของรัฐบาลประกอบกัน

มาร์คพูดติดตลกอ่านญัตติซักฟอกแล้วง่วงนอน

นพ.วรงค์ กล่าวภายหลังการประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมได้พูดคุยในหลายประเด็น ซึ่งประเด็นหลักคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์อยากเรียกร้องพรรคฝ่ายค้านว่า การอภิปรายให้พูดในเนื้อหาสาระ อย่าพูดพาดพิงหรือตีขุมกว้าง และพาดพิงไปถึงบุคคลอื่น ไม่เช่นนั้นทุกคนจะใช้สิทธิพาดพิงเยอะมาก นอกจากนี้ พรรคได้พูดคุยถึงความพร้อมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่า ทุกฝ่ายพร้อมชี้แจงข้อกล่าวหาทุกกรณี ซึ่งนายกฯ เองก็พูดอย่างทีเล่นทีจริงว่าได้อ่านญัตติของฝ่ายค้านแล้วง่วงนอน แสดงให้เห็นว่าฝ่ายค้านไม่สามารถจับสาระสำคัญได้

 รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ให้อิสระกับส.ส.ทุกคนในการออกเสียงลงมติ จะไม่มีมติพรรคออกมาบังคับ และเท่าที่ได้พูดคุยกับส.ส.หลายคนเชื่อว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจและเชื่อมั่นว่า รัฐมนตรีสามารถตอบข้อซักถามได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 19-20 มี.ค. และลงมิตในวันที่ 21 มี.ค. เป็นดำริของประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้พรรคเพื่อไทยได้เปรียบกว่าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นผู้ยื่นญัตติและมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้ว ทั้งนี้ ได้มีการตั้งคณะกรรมการประสานงานข้อมูลจะมีทั้งหมด 15 คนจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เพื่อคอยเตรียมหาข้อมูลและเนื้อหาเพิ่มเติมให้กับรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายด้วย

 ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ประชุมได้พูดคุยถึงกรณีที่นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่าอาจมีส.ส.หลายคนไม่ออกเสียงลงมติให้กับนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศหรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า ในที่ประชุมได้เข้าใจตรงกันแล้ว และยอมรับการทำงานของรัฐมนตรี ซึ่งในที่ประชุมนายเกียรติกรก็ได้พูดคุย และชี้แจงว่าการพูดเรื่องดังกล่าวเป็นการพูดทีเล่นทีจริง เมื่อนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ได้ชี้แจงในที่ประชุมทุกคนก็เข้าใจและยอมรับ

"เกียรติกร”เปรี้ยวขอฟัง“กษิต”แจงซักฟอกก่อนลงมติ

 นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมได้สอบถามตน เกี่ยวกับการออกมาให้สัมภาษณ์การไม่ลงมติโหวตให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ โดยตนได้ยืนยันว่า มีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลมาบอกกับตนระหว่างรับประทานอาหารร่วมกันว่า อาจจะไม่ลงมติโหวตให้นายกษิต จริง แต่ไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นใคร และในการลงมติจริงเขาจะทำตามที่พูดหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ โดยที่ประชุมก็ได้เพียงแต่เตือนให้ตนระวังเรื่องการให้ข่าวกับสื่อมวลชนเท่านั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรมากกว่านั้น ทั้งนี้ในการลงมติของตน ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะโหวตอย่างไร เพราะส.ส.มีเอกสิทธิ์ 3 อย่างคือ เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และงดออกเสียง ดังนั้นจึงขอฟังการชี้แจงก่อน โดยเฉพาะการชี้แจงของนายกษิต ที่ตนคิดว่าการปิดสนามบินเป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศเสียหายจริงๆ ตนมีจุดยืนอย่างนี้ พรรคจะทำอะไรกับตนก็ทำ

มท.1 เผยนายกฯเห็นชอบจัดโซนนิ่งเสื้อแดง

นายชวรัตน์  ชาญวีรกูล  หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมพรรค กรณีการร่นเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจมาเป็นสัปดาห์นี้ว่า คงไม่เป็นอุปสรรคในการชี้แจง เพราะอาจจะเห็นคนแก่ลืมง่ายจึงเร่งมาให้เร็วหน่อย ส่วนที่จะร่นเวลาเข้ามาหรือเป็นเวลาปกติก็ไม่เป็นไรเพราะความจำใน 2 อาทิตย์หากเสื่อมก็ทำงานไม่ได้แล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่าการร่นอภิปรายดังกล่าวไม่ใช่การหลบเสื้อแดง เพราะกลุ่มเสื้อแดงมีตลอดเวลา ส่วนข้อมูลที่จี้แจงไม่มีปัญหา เพราะไม่มีข้อมูลอะไรสิ่งที่ตนทำอยู่ในหัวหมด

 ผู้สื่อข่าวถามว่านอกจากเรื่องโยกย้ายข้าราชการแล้วกังวลประเด็นอื่นที่จะน็อครัฐบาลหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า สำหรับคนอื่นไม่ทราบ สำหรับตนมีเหตุผลที่จะชี้แจงส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ตนกระทำผลงานต่าง ๆ มา

 เมื่อถามว่าจะมีการอภิปรายเรื่องนายเนวิน และนายศักดิ์สยาม  ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีตัวจริง หากมีการพาดพิงจะฟ้องร้องหรือไม่ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า สื่อมวลชนถามอย่างกับว่านายเนวินมานั่งอยู่ที่กระทรวง นายเนวินไม่ได้ทำงานในกระทรวง แต่คนที่ทำงานคือนายศักดิ์สยาม  ที่ตนแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะทำงานของรัฐมนตรี ซึ่งหากไม่ได้แต่งตั้งเข้าทำงานถือว่ามีความผิด แต่มาทำงานแล้วก็ถือว่าไม่มีความผิด ทั้งนี้หากมีการพาดพิงบุคคลที่สามตนก็จะชี้แจงสิ่งไหนไม่อยู่ในประเด็นอภิปรายตนก็จะไม่ชี้แจง

 ส่วนที่มีการมองว่านายศักดิ์สยามมีอำนาจมากกว่ารมว.มหาดไทยตัวจริง นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่มี สิทธิ์ขาดอยู่ที่ตน

 ต่อข้อถามที่ว่ามีการมองว่านายเนวินมีการพูดคุยกับนายสุเทพ และตัดสินใจงานในกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่มี  สื่อไม่รู้ระบบราชการ รัฐมนตรีว่าการมีสิทธิ์ขาดที่จะทำอะไรก็ได้ แม้รัฐมนตรีช่วยก็เป็นผู้เสนอให้รัฐมนตรีว่าการลงนาม

 ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทยมีการตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่มี ในระบบรัฐสภาหากพรรคฝ่ายค้านพูดนอกประเด็น รัฐบาลก็ต้องยกมือคัดค้าน ส่วนกรอบระยะเวลาในการชี้แจงของรัฐมนตรียังไม่ได้มีการหารือร่วมกับรัฐบาลเชื่อว่าจะมีการจัดสรรเร็วๆ  นี้และนายกฯน่าจะได้เวลามากที่สุด

 ต่อข้อถามที่ว่ามีการใช้เงินเจ็ดหลักซื้อเสียงส.ส.ในการลงมติครั้งนี้ นายชวรัตน์ กล่าวว่า คำถามแต่ละอย่างของสื่อเป็นเรื่องที่เรียกว่าตนไม่เคยคิดมาก่อน

 ส่วนที่นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรมช.มหาดไทย มีใบเสร็จในการทุจริตกระทรวงมหาดไทยซึ่งจะนำมาอภิปรายครั้งนี้ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น หากมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้เราก็ต้องจำนนด้วยหลักฐานแต่ไม่เชื่อว่าจะมี

 ทั้งนี้ นายชวรัตน์ รมว.มหาดไทย ยังกล่าวถึงการจัดโซนนิ่งกลุ่มเสื้อแดงว่า ตนได้พูดในหลักการและได้คุยกับนายกฯแล้ว นายกฯ ก็เห็นด้วย เป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องตัดสินใจต่อไป การที่แยกออกมาจะได้ทราบว่าสิ่งของที่มีการปาออกมาจากจุดไหน จะได้เห็นชัดไม่ได้มีเจตนาในการกีดกันอะไร

 ขณะที่นายบุญจง  วงศ์ไตรรัตน์  รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกกังวลอะไรเรื่องอภิปราย เมื่อสภากำหนดวันเราก็พร้อมจะชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ ที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปราย ซึ่งความจริงก็เป็นความจริงการบริหารตลอด 3 เดือน เชื่อว่าการทำงานทั้งหมดโปร่งใสชัดเจน การมอบนโยบายแต่ละเรื่องอยู่ภายใต้กติกากฎหมายที่ตนในฐานะรมช.มหาดไทยปฏิบัติได้ ทุกเรื่องเกิดประโยชน์กับประชาชนการที่ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ

 ส่วนกรณีนายปรีชามีใบเสร็จะเล่นงานรมช.มหาดไทยที่อยู่ภายใต้มนต์เขมร นายบุญจง กล่าวว่า เป็นสิทธิของคนที่จะกล่าวทุกอย่างต้องรอดูวันอภิปรายจะเป็นอย่างไร ทั้งหมดยืนยันอภิปรายได้หมด

 ผู้สื่อข่าวถามว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่าการอภิปรายครั้งนี้จะกระทบเสถียรภาพรัฐบาลและนำไปสู่การปรับครม.นายบุญจง กล่าวว่า ส่วนของตนและนายชวรัตน์ขอยืนยันอีกครั้งว่าพร้อมชี้แจง ในทุกประเด็น เราถือว่าการอภิปรายเป็นเรื่องปกติของทางการเมือง ในระบอบประชาธิปไตยเมื่อถามมาแล้วก็ตอบไป วันนี้เห็นชัดเจนแล้วว่ามีประเด็นอะไรบ้าง

 ต่อข้อถามที่ว่ามีการชักเปอร์เซ็นในงบท้องถิ่น 12,000 ล้านบาท จะทำให้รัฐบาลประกาศยุบสภาได้ นายบุญจง กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า คือคำพูดพูดไปเรื่อยเปื่อย กล่าวหากันไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่มีมูลความจริง ฉะนั้นใครที่ประพฤติผิดกระทำไม่ชอบโกงบ้านโกงเมืองคนนั้นต้องรับผิดชอบ ส่วนคนที่พูดก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง โดยเฉพาะการอภิปรายในสภาหากไปพูดถึงคนภายนอกให้ได้รับความเสียหาย บุคคลภายนอกก็ใช้สิทธิฟ้องร้องได้ ตนอยากบอกว่าการกล่าวหากระทำได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง อะไรไม่จริงโกหกตนมีหน้าที่ที่จะทักท้วง

 เมื่อถามว่ามีการพูดถึงการซื้อส.ส.รัฐบาลให้โหวตสวนมติ นายบุญจง กล่าวว่า เป็นคำพูดกของคนไร้สาระสักแต่จะพูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่จำเป็นต้องมาซื้อตัวส.ส.เพราะทุกคนมีวิจารณญาณในการตัดสินใจ เมื่อฟังการอภิปรายเสร็จแล้วเหตุผลผู้อภิปรายและผู้ตอบอะไรมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส.ส.ผู้แทนประชาชนมีศักดิ์ศรี ส่วนคนที่พูดมีปากพูดไปเรื่อย ทั้งนี้ตนมั่นใจในเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล

 นายบุญจง กล่าวว่า ขณะนี้ตนและรมว.มหาดไทย ได้เตรียมข้อมูลชี้แจง 100 % แล้ว ทุกอย่างเราทำงานเรารู้ว่าทำอะไร ประเด็นต่าง ๆ อยู่ในญัตติการอภิปราย ซึ่งไม่จำเป็นต้องตั้งองครักษ์พิทักษ์นายชวรัตน์ เพราะเป็นคนเชี่ยวชาญการเมืองเป็นคนทำงานสามารถตอบอภิปรายได้ และประเด็นที่มีการอภิปรายมั่นใจตอบได้ทันที

 ส่วนองครักษ์ต่าง ๆ เป็นเรื่องส.ส.ในพรรคที่เห็นว่าหากอภิปรายผิดข้อบังคับการประชุมก็สามารถประท้วงได้

"ชินวรณ์"ปัดปธ.-นายกฯฮั้วร่นวันซักฟอก

นายชินวรณ์   บุณยะเกียรติ  ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่านายชัย  ชิดชอบ  ประธานสภาผู้แทนราษฎร ฮั้วกับ นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในการร่นวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า การกำหนดวันประชุมสภาฯเป็นอำนาจของประธานสภาฯ และในข้อบังคับข้อที่ 168 ได้บัญญัติเอาไว้ชัดเจนว่า เมื่อประธานได้ตรวจสอบญัตติเรียบร้อยแล้ว ต้องบรรจุเป็นวาระด่วน ซึ่งประธานสภาก็ประสานมายังรัฐบาลก็ได้รับคำตอบว่าพร้อม

 ส่วนฝ่ายค้านนั้นก็เห็นว่ามีความพร้อมอยู่แล้ว การบอกว่าเป็นการฮั้วนั้นก็ต้องบอกว่าญัตตินี้เป็นญัตติของฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมหากเลือกได้รัฐบาลก็คงเลือกเวลาที่ทำให้ตัวเองมีความพร้อมมากที่สุด เมื่อทุกฝ่ายพร้อมก็ไม่น่าจะเป็นการสมยอม

 ส่วนเวลาการอภิปรายซึ่งฝ่ายค้านต้องการ 3 วันนั้น ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ประธานวิปฝ่ายค้านได้โทรศัพท์มาประสานแล้ว ตนจึงบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งได้นัดหมายหารือกันในวันที่ 18 มี.ค.เพราะหากมีการพาดพิงไปถึงบุคคลที่ 3 ที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ต้องใช้เวลาให้บุคคลนั้นใช้สิทธิพาดพิงด้วย ดังนั้นก็ต้องเผื่อเวลาให้ทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาลและผู้ที่ถูกพาดพิงด้วย เช่น นายบัญญัติ  บรรทัดฐาน  กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์หรือนายนิพนธ์  บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน เป็นต้น